ศธ.เตรียมใช้ ‘อีบุ๊ก’ ในการเรียนการสอน ลดการแบกเป้ไปเรียน

คุณหญิงกัลยา ระบุ เตรียมนำเทคโนโลยีอีบุ๊กมาใช้กับนักเรียน ลดการแบกหนังสือไปเรียน แต่ขอศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เนื่องจากการอยู่หน้าจอเป็นเวลานานส่งผลกระทบต่อสุขภาพนักเรียนได้ คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่นักเรียนในจังหวัดขอนแก่น สะพายเป้ไปเรียน จนกระดูกคดงอ ว่าเรื่องนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการ เคยมีแนวคิดที่จะให้เด็กหันมาใช้อีบุ๊ก (E-book) มากขึ้น แทนการแบกหนังสือไปเรียน ซึ่งเป็นแนวคิดที่อยากจะดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเพิ่งเป็นข่าว จึงขอหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ส่วนสาเหตุมาจากการแบกเป้หนักไปเรียนหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถทราบได้ แต่คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อนักเรียนได้ แต่อย่างไรก็ตาม คุณหญิงกัลยา ยังแสดงความเป็นห่วงว่าหากใช้อีบุ๊กนานๆ หากอยู่หน้าจอ วันละ 7-10 ชั่วโมง…

มาเลเซียนำร่อง ประกาศใช้หนังสือเรียนดิจิทัลในปี 2019 แทนการแบกตำราหนักๆ ไปรร.

ชื่อว่าเด็กไทยหลายคนเคยผ่านประสบการณ์ที่ต้องขนหนังสืออัดแน่นเต็มกระเป๋าไปเรียนในทุกวัน แต่จะดีแค่ไหนหากเทคโนโลยีสามารถย่อส่วนภาระอันหนักอึ้ง ให้กลายเป็นวัตถุเพียงชิ้นเดียวที่น้ำหนักมากกว่าขนนกอยู่หน่อยนึง ซึ่งกรณีนี้ประเทศมาเลเซียได้นำร่องแก้ปัญหาแล้ว โดยในปี 2019 ที่จะถึงนี้มีประกาศเปลี่ยนแปลงให้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาใช้หนังสือเรียนดิจิทัล     Teo Nie Ching รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการของมาเลเซียเผยว่าในปี 2019 โรงเรียนมัธยมในประเทศจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ e – textbooks เธอกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะช่วยลดน้ำหนักกระเป๋าลงรวมทั้งลดความจำเป็นในการแบกตำราจำนวนมากไปโรงเรียน อย่างไรก็ตาม นักเรียนยังสามารถเลือกได้ว่าจะใช้หนังสือเรียนแบบดั้งเดิม หรือใช้แบบดิจิทัล ซึ่งสิ่งที่กำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้คือเรื่องแท็บเล็ตที่จะให้ทางโรงเรียนเป็นธุระจัดการ หรือนักเรียนจะซื้อด้วยตัวเอง?   นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังทำการพัฒนาตำราดิจิทัลเพื่อให้มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้การเรียนรู้มีสีสันกว่าเดิม เนื่องจากปัจจุบันมีเพียงการใช้งานขั้นพื้นฐานอย่างการอ่านไฟล์ PDF เท่านั้น ซึ่งมองว่ามันอาจจะน่าเบื่อไปสักหน่อย อย่างไรก็ตาม Teo กล่าวเพิ่มเติมว่า หนังสือเรียนแบบโต้ตอบ (Interative…

20 อาชีพอิสระ ที่น่าสนใจและน่าลงทุนในปี 2562

ในแต่ละปีนั้นมีอาชีพใหม่ๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้นตลอดเวลาแต่ในขณะเดียวกัน อาชีพเก่าๆ บางอาชีพก็มีความนิยมลดลงไปตามความต้องการของตลาดในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาชีพที่เคยทำรายได้ได้ดีอาจจะทำรายได้ลดลง อาชีพที่รายได้ไม่ดีอาจมีรายได้สูงขึ้น แต่ถึงแม้ความต้องการของลูกค้าหรือกระแสของตลาดจะมีความเปลี่ยนแปลงผันผวนอยู่ตลอด การปรับตัวในการทำงาน การพัฒนาปรับปรุงในอาชีพก็ส่งผลต่อรายได้เช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอาชีพเก่าหรือใหม่ คุณสามารถสร้างรายได้ให้ดีได้ด้วยการคิด วิเคราะห์ ปรับปรุง พัฒนาแล้วตั้งใจทำให้ดีที่สุด ว่าแล้วก็มาดู 20 อาชีพอิสระที่น่าสนใจในปี 2562 กันว่าจะมีอาชีพไหนที่เหมาะกับคุณบ้าง และสามารถสร้างรายได้ได้อย่างไร ซึ่งบทความนี้เหมาะสำหรับคนที่อาจจะมีงานประจำอยู่แล้วและอยากหางานทำเพิ่มช่วงวันหยุดหรือคนที่เพิ่งลาออกจากงาน คนที่ไม่ชอบทำงานประจำกำลังมองหาอาชีพอิสระ ก็ลองศึกษาจากบทความนี้ดูนะคะ 1. ช่างแต่งหน้า ช่างแต่งหน้าเป็นอาชีพอิสระที่น่าสนใจอาชีพหนึ่งที่ไม่ว่าจะงานรับปริญญา งานแต่งงาน หรืองานอีเวนท์ต่างๆ ต่างก็ต้องจ้างช่างแต่งหน้าด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งต้องจองคิวล่วงหน้าโดยเราสามารถเลือกรับงานได้แต่ช่างแต่งหน้าถือว่าเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะพอสมควร ถึงจะเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ซึ่งคุณสามารถไปเรียนหรือฝึกฝนทักษะให้มีความชำนาญมากขึ้นได้…

portfolio คืออะไร? สำคัญอย่างไร? และทำอย่างไร?

  portfolio คืออะไร? สิ่งที่รวบรวมตัวอย่าง หรือบางส่วนของหลักฐานที่แสดงถึง ผลสัมฤทธิ์ความสามารถ ความพยายาม หรือความถนัดของบุคคลหรือประเด็นที่ต้องจัดทำแฟ้มสะสมงานไว้  อย่างเป็นระบบ โดยบุคคลนั้น และบุคคลที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดทำแฟ้มร่วมกัน ทำไมต้องมี portfolio ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่าPortfolio นั้นจะใช้ในการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งจะสำคัญมากในการรับตรง สอบตรง เพราะที่มหาวิทยาลัยเปิดรับตรงนั้นเพราะต้องการอยากจะคัดนักศึกษาที่อยากเข้ามาศึกษาในคณะและมหาวิทยาลัยของเค้าจริงๆ ซึ่งนอกจากการคัดด้วยการสอบการสัมภาษณ์ก็จะมี Portfolio นี่แหละครับ ที่จะเป็นเครื่องช่วยยืนยันได้ว่า นักเรียนคนนั้นๆที่เข้ามาสมัครนั้นมีสนใจในคณะที่เข้ามาสมัครจริงๆหรือไม่ เพราะฉะนั้น Portfolio จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะต้องใช้สำหรับการศึกษาต่อ และเป็นการแนะนำตัวเองเรา ให้แก่คณะกรรมการได้เห็นว่า เรามีความสามารถทางด้านนี้มากแค่ไหน !! มีความสนใจในคณะในคณะที่สมัครเข้ามามากแค่ไหน โดยดูจากผลงานเก่าๆของเรา ซึ่งงานเหล่านี้ บ่งบอกถึงทักษะ,…

10 อันดับประเทศน่าเข้าไปศึกษาต่อมากที่สุดในโลก ประจำปี 2019

  จากการจัดอันดับประเทศ ที่น่าเข้าไปศึกษาต่อต่างประเทศมากที่สุดในโลก ประจำปี 2019 โดย educations.com ซึ่งได้ทำการสำรวจจากนักศึกษาชาวต่างชาติกว่า 20,000 คนทั่วโลก พบว่า ประเทศไทย ถูกเลือกให้เป็นประเทศที่ดีที่สุด อันดับที่ 3 ของโลก สำหรับการศึกษาต่อในต่างประเทศ จากทั้งหมด 61 ประเทศทั่วโลก . โดยการสำรวจ และจัดอันดับ ได้พิจารณาจาก 7 ปัยจัย ได้แก่ การสัมผัสกับวัฒนธรรมใหม่, โอกาส และความก้าวหน้าในอาชีพ, การผจญภัย, การหาเพื่อนใหม่/เครือข่ายมืออาชีพ, คุณภาพการเรียนการสอน, ค่าเรียน…

รมว.ศธ.คนใหม่มาแล้ว ฟิตจัด ตั้งเป้า 1 เดือนพัฒนาการศึกษาไทย

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.เวลา 07.49 ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยคุณหญิง กัลยา โสภณพนิช และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ เดินทางเข้าทำงานที่ ศธ.วันแรก โดยเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่ พระพุทธรูปประจำกระทรวง พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์สยามิศรจักรี สัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์ศาลพระภูมิ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) ต่อจากนั้นได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของศธ.และหน่วยงานในกำกับของ ศธ โดย นายณัฏฐพล กล่าวว่า…

คอร์สฟรีออนไลน์ เรื่องบุคลิกภาพและการปรับตัว จาก PIM

การมีบุคลิกภาพที่ดี และมีความสามารถในการปรับตัวคือหนึ่งใน Soft Skill ที่สำคัญ ที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานร่วมกับใครก็ด้ และได้รับการให้เกียรติ แต่การฝึกฝัน Soft Skill ก็เป็นการฝึกทักษะที่ยากที่สุดอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นทักษะที่เกี่ยวเนื่องกับตัวตนและการแสดงออกของเราโดยตรง แต่ทางหนึ่งในการเรียนรู้คือการทำความเข้าใจบุคลิกภาพ และการปรับตัวในเชิงจิตวิทยา . จิตวิทยาบุคลิกภาพและการปรับตัวเป็นการศึกษาเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคล ซึ่งมีความสำคัญในแง่การทำความเข้าใจมนุษย์ ทั้งในมิติของการเข้าใจตนเอง นำไปสู่การพัฒนาตนเองทั้งในการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงาน อีกทั้งนำไปสู่การเรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้อื่นและปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นเพื่อดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขในสังคมอีกด้วย . สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ได้สร้างคอร์สเรียนออนไลน์บนเว็บไซต์ Thai MOOC เรื่อง จิตวิทยาบุคลิกภาพและการปรับตัว (Personality Psychology and Adjustment) เพื่อผู้เรียนสามารถเรียนรู้การพัฒนาบุคลิกภาพได้…

8 ทักษะจำเป็น เพื่อก้าวสู่ ‘ความเป็นพลเมืองดิจิทัล’ (Digital Citizenship) & คนของศตวรรษที่ 21 อย่างภาคภูมิ

คำนิยาม ‘ความเป็นพลเมืองดิจิทัล’ ที่ทุกประเทศทั่วโลกคาดหวังให้มีอยู่ในประชากรของตน คือ พลเมืองผู้ใช้งานสื่อดิจิทัลและสื่อสังคมออนไลน์อย่างเข้าใจบรรทัดฐานของการปฏิบัติตัวให้เหมาะสม และมีความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารในยุคดิจิทัลเป็นการสื่อสารที่ไร้พรมแดน ดังนั้น พลเมืองดิจิทัล หมายรวมถึง สมาชิกของโลกออนไลน์ ที่รวมคนทั่วโลกซึ่งใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้จึงมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ อายุ ภาษา และวัฒนธรรม พลเมืองดิจิทัลทุกคนจึงต้องมี ‘ความเป็นพลเมืองดิจิทัล’ ที่ประกอบด้วย ความรับผิดชอบ มีจริยธรรม เห็นอกเห็นใจและเคารพผู้อื่น มีส่วนร่วม และมุ่งเน้นความเป็นธรรมในสังคม เพื่อรักษากฎเกณฑ์ สมดุล ของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และต่อไปนี้ คือ ทักษะที่สำคัญ 8 ประการ…

10 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณมีเวลาอ่านหนังสืออีกครั้ง

. แม้ว่า “คนไทยอ่านหนังสือปีละ 7 บรรทัด” จะไม่ใช่ข้อความที่เป็นความจริง แต่สิ่งหนึ่งที่เราต่างยอมรับร่วมกันได้ก็คือเราอ่านหนังสือน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้ว . สำหรับผมวัยที่อ่านหนังสือได้มากสุดคือวัยมัธยม อาจเพราะเป็นช่วงเวลาที่มีเวลาว่างมาก และไม่มีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบใดมาผูกมัด หรืออาจจะเพราะอินเทอร์เน็ตยังไม่เเพร่หลายเท่าในปัจจุบัน . ทุกวันนี้หลังเริ่มชีวิตทำงาน ชีวิตก็เต็มไปด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหน้าที่การงาน และธุระส่วนตัว หลังเลิกงานก็ทิ้งตัวลงโซฟานั่งดู Netflix รู้ตัวอีกทีก็เกิดความไม่สัมพันธ์กันระหว่างการซื้อและการอ่าน รู้สึกตัวอีกทีก็มีหนังสือที่ยังไม่ได้อ่านกองพะเนินเทินทึก ทั้งที่ตั้งใจมาตลอดว่าจะอ่านหนังสือทุกเล่มที่ซื้อมา . โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการอ่านหนังสือก็เป็นกิจกรรมพัฒนาตัวเองที่สำคัญ ไม่ใช่แค่การเพิ่มข้อมูลความรู้ หรือช่วยเป็นแหล่งข้อมูลให้กับเรา แต่ยังช่วยให้เราคุ้นเคยกับภาษาและการสื่อสารในรูปแบบการเขียนได้อีกด้วย นอกจากนั้นการอ่านหนังสือก็เป็นกิจกรรมผ่อนคลายที่ใช้เวลาว่างได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดอีกอย่างหนึ่ง เช่นนี้แล้วไม่ว่าอย่างไรการอ่านหนังสือก็เป็นกิจกรรมที่เราไม่ควรละทิ้งไป . แต่จะทำอย่างไรเมื่อเราไม่มีเวลาที่จะอ่านหนังสือ จากเวลาที่ถูกแย่งไปด้วยภาระหน้าที่…

เรียนฟรี!! เทคนิคการจัดการความเครียด จาก ม.เชียงใหม่

. เชื่อว่าใครหลายคนในวันนี้อาจมีปัญหาเรื่องความเครียดกัน ปกติแล้วเราจัดการกับความเครียดกันอย่างไรบ้าง บางคนใช้การพักผ่อน บางคนใช้งานอดิเรกเป็นเครื่องผ่อนคลาย หรืออาจใช้เทคนิคอย่าง Pet Therapy Writing Theraphy ที่เราเคยนำเสนอไว้ในเพจ . แต่สำหรับใครที่มีปัญหาความเครียด ทั้งในตัวเอง หรือในคนรอบตัว วันนี้เราจึงอยากชวนให้ลองมาศึกษาเรื่องการจัดการและรับมือกับความเครียดกันดู โดยคอร์สเรียนคุณภาพจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นคอร์สออนไลน์เรียนได้เลยจากที่บ้าน และยังฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ . เทคนิคการจัดการความเครียด (Stress Management Techniques) คือรายวิชาที่อธิบายถึงความเครียด และเทคนิคการจัดการความเครียดแบบต่าง ๆ รวมไปถึงการประเมิน และวิเคราะห์ความเครียด นำเสนอเทคนิคการจัดการความเครียด ซึ่งได้แก่ เทคนิคการฝึกการหายใจ…