จะจัดการอย่างไรกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน ?

จะจัดการอย่างไรกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน ?

 

สวัสดีค่ะ วันนี้พี่ ๆ เอ็ดดูโซน จะมาพูดถึงเรื่องการศึกษาไทย ที่เป็นข่าวหนาหูในตอนนี้ ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีข่าวที่สะเทือนวงการการศึกษาไทย ที่เป็นข่าวไม่เว้นในแต่ละวัน นั่นก็คือข่าวการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานในสังคมไทย  มีทั้งที่ปรากฏและไม่ปรากฏในสื่อ ซึ่งเป็นข่าวที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง สะเทือนใจเป็นอย่างมาก ทำให้พ่อแม่เริ่มมองว่าโรงเรียนกลายเป็นสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับบุตรหลาน เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทำให้มีการตั้งกรรมการสอบสวน แต่การสอบสวนดังกล่าว เป็นการสอบสวนโดยข้าราชการตรวจสอบกันเอง ผู้เสียหายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้สังคมไม่ไว้วางใจในการสอบสวนและตัดสินลงโทษผู้กระทำผิด เรื่องจึงถูกเก็บเงียบ และไม่มีสัญญาณเชิงบวกในการแก้ปัญหาอย่างจริง

 

เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมในโรงเรียน หลายคนก็รู้ดีว่าวัฒนธรรมในโรงเรียนเอื้อให้เกิดปัญหาการคุกคามทางเพศ ตั้งแต่การหยอกล้อไปจนถึงการถูกเนื้อต้องตัวกัน มีพื้นที่นัดพบระหว่างครูกับนักเรียน ไปจนถึงพื้นที่ในออนไลน์หรือพื้นที่ส่วนตัว นอกจากนี้ในเมื่อโรงเรียนยังเป็นพื้นที่อำนาจนิยม ครูอาจารย์บางคนใช้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในนามผู้ประสาทวิชาพระคุณที่สาม อ้างว่าเอ็นดูเมตตาลวนลามสัมผัสเนื้อตัวร่างกายนักเรียน คราวนี้ไม่ว่านักเรียนจะมีเพศใด พวกเขาและเธอต่างก็ตกอยู่ในสภาวะไม่ปลอดภัย แม้ว่าตามสถิติแล้ว เด็กผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะถูกคุกคามทางเพศมากกว่าเด็กผู้ชายก็ตาม

 

และที่น่าเป็นห่วงคือ ระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้น จากสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และมีการฟ้องร้องหลายรายที่เป็นข่าว และยังมีอีกหลายรายที่ไม่เปิดเผยมีมากกว่านี้หลายเท่า และเมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน เหยื่อกลับถูกกระทำซ้ำจากผู้มีอำนาจที่เหนือกว่า และจากการนำเสนอของสื่อ ทำให้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อเลือกที่จะเงียบ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นปัญหาลูกโซ่ที่ผู้ถูกกระทำไปกระทำกับคนอื่นต่อ

 

ทำให้ประเด็นนี้ถูกหยิบมาพูดถึงอีกครั้ง ถ้าไม่มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ปัญหานี้ก็จะเป็นปัญหาลูกโซ่ที่ไม่มีวันจบสิ้น ทางทีมงานเอ็ดดูโซนจึงได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน ว่าควรมีวิธีจัดการและป้องกันอย่างไร ซึ่งเป็นการสำรวจที่มาจากการแสดงความคิดเห็นจากชาวชุมชน Eduzones ไปดูกันเลยค่ะ ว่าแต่ละคนมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง โดยจะนำวิธีจัดการและป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศที่ทุกคนเห็นตรงกัน 3 มากที่สุดอันดับแรก คือ

  1. ให้ถอดใบประกอบวิชาชีพ ไล่ออก และให้ดำเนินตามกฎหมายโดยให้จำคุก

ที่หลายคนมีความคิดเห็นแบบนี้ เพราะว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เด็กโดนล่วงละเมิดทางเพศแล้ว ครูจะโดนลงโทษเพียงแค่พักการสอน หรือ ย้ายไปสอนโรงเรียนอื่น ซึ่งเป็นบทลงโทษที่ไม่มีความสมเหตุสมผล เป็นเรื่องที่จะยอมรับไม่ได้ ท้ายที่สุด ก็กลับมาก่อเหตุแบบเดิมอยู่ดี หลายคนจึงมีความคิดเห็นว่า เมื่อคนเป็นครูไม่มีความสำนึกผิดชอบชั่วดี ไม่ตะหนักถึงจรรยาบรรณของตนเอง ก็ควรลงโทษให้ร้ายแรงที่สุด คือการถอดใบประกอบวิชาชีพ ไม่ให้กลับมาสอนได้อีก และให้ดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด วิธีการนี้ แม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แต่ก็เป็นเหมือนการเชือดไก่ให้ลิงดู บุคลากรที่จะมาเป็นครูในอนาคตจะได้ไม่กล้าก่อเหตุแบบนี้อีก

 

  1. ให้เพิ่มหลักสูตรเกี่ยวกับเรื่องเพศ ส่งเสริมให้เด็กรู้จักสิทธิและการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ

กระทรวงศึกษาฯ ควรเพิ่มหลักสูตรหรือวิชาเกี่ยวกับเพศศึกษาสำหรับนักเรียน โดยเพิ่มหลักสูตรพื้นฐานเกี่ยวกับเพศ พวกเขาและเธอต้องได้รับความรู้และวิธีจัดการเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ ต้องรู้วิธีการป้องกันตัว รู้ถึงสิทธิของตัวเอง นอกจากนี้ต้องได้รับการเรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างการล้อเล่นที่เป็นมิตรกับการกระเซ้าเย้าแหย่ที่อาจนำไปสู่การโดนล่วงละเมิดทางเพศในที่สุด ที่หลายคนมีความคิดแบบนี้ เพราะมองว่า การปลูกฝังให้เด็กมีความรู้ ก็เป็นเกราะอย่างหนึ่ง ที่จะป้องกันตัวเด็ก ไม่ให้ตกอยู่นสถานการณ์ที่จะโดนล่วงละเมิดทางเพศได้ และอาจจะลดการเกิดปัญหานี้ได้อย่างจริงจัง

 

  1. จัดอบรมก่อนที่จะมาเป็นครู ให้ตระหนักเรื่องการละเมิดทางเพศ และมีบทลงโทษที่รุนแรง

เมื่อมีการปลูกฝังนักเรียนแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดเลย ก็คือการปลูกฝังจิตสำนึกให้กับครู และบุคลาการทางการศึกษา เพราะหลายคนมองว่าต้องเริ่มจากการสนับสนุนส่งเสริมให้ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ สมาชิกในโรงเรียนตระหนักถึงการเคารพสิทธิเนื้อตัวร่างกาย เพศสภาพเพศสรีระซึ่งกันและกัน ยืนหยัดต่อต้านการกระทำทางเพศที่ไม่เหมาะสม ให้ตระหนักถึงจรรยาบรรณในหน้าที่ของตน ไม่นำ “พระคุณที่สาม” หรือ “ความเป็นครู” มาอ้างความชอบธรรมที่จะแสดงอำนาจเหนือเนื้อตัวร่างกายนักเรียน และที่สำคัญควรจัดอบรมให้ครู และบุคลากรทางการศึกษาได้รับรู้ถึงบทลงโทษที่รุนแรง เพื่อป้องกันการกระทำผิดภายในโรงเรียน

 

  1. จัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียน มีช่องทางรับฟังความคิดเห็น และครูจะต้องเป็นที่พึ่งให้เด็กได้

ครูบาอาจารย์ หรือบุคลากรทางการศึกษาเองก็ต้องไม่ช่วยปกป้องเพื่อนร่วมงานกันเอง มันจะมีระบบอุปถัมภ์ในโรงเรียน ที่ครูมักจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สนับสนุนกัน ต่างตอบแทนกันในเรื่องการประเมิน การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ครูมักจะช่วยกันปกปิด ไม่เอาเรื่อง เพราะครูล้วนอยู่ในระบบอุปถัมภ์ และไม่ฟังเสียงที่มาจากเด็กนักเรียน ดังนั้นคนเป็นครู หรือบุคลากรทางการศึกษาเองก็ควรจะเป็นกลาง รับฟังความเสียงจากนักเรียน ครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนต้องช่วยกันป้องกันปัญหาล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กในทุกกรณี และที่สำคัญคือครูอาจารย์ต้องไม่เป็นผู้ก่อปัญหานี้เสียเอง

นี่ก็เป็นแค่การรวบรวมข้อมูลจากความเห็นเท่านั้นนะคะ แล้วทุกคนคิดเห็นกันอย่างไรบ้างเอ่ย แต่พี่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ว่า ว่าควรมีมาตรการที่ต้องป้องกันที่ต้นเหตุ คือการมีหลักสูตรสำหรับนักเรียนและครูให้ได้เข้าใจและตระหนักถึงเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศแบบจริงจัง และเมื่อมันเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วก็ควรมีบทลงโทษที่ร้ายแรงที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก

ดังนั้นสถานศึกษาทุกแห่งต้องเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กนักเรียน ครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนต้องช่วยกันป้องกันปัญหาล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กในทุกกรณี และที่สำคัญคือครูอาจารย์ต้องไม่เป็นผู้ก่อปัญหานี้เสียเอง ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกัน ขอให้ทุกภาคส่วนไม่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์นี้ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา และคอยสอดส่องเด็ก ๆ ในครอบครัว แล้วในอนาคตปัญหานี้จะดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *