สจล. เปิดคณะพยาบาลศาสตร์ ‘ครั้งแรกของไทย’ สุดล้ำกับโมเดล “พยาบาลนวัตกร” มาพร้อมสกิล “AI – Design Thinking” สมจริงด้วยห้องเรียนสุดล้ำกับระบบเสมือน ตั้งเป้าปั้นพยาบาลยุคใหม่ที่เชี่ยวชาญเทคฯ ช่วยรับมือความเปราะบางตามเทรนด์สุขภาพโลก

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดตัว “คณะพยาบาลศาสตร์” คณะใหม่ล่าสุด ชูธงปั้น “พยาบาลนวัตกร” ที่เชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยี (Technical Skills) และทักษะความเป็นมนุษย์ (Human Skills) ตอบโจทย์ความท้าทายของระบบสุขภาพไทยในศตวรรษที่ 21 หวังลดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ การรองรับโครงสร้างสังคมผู้สูงวัย และการยกระดับคุณภาพระบบสาธารณสุขไทย ด้วยหลักสูตรที่หลอมรวมองค์ความรู้ด้านวิชาการ วิชาชีพ นวัตกรรม และความเข้าใจมนุษย์ไว้ด้วยกัน พร้อมชู 5 จุดเด่น  1.หลักสูตรทันสมัยตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล   2. เรียนรู้ผ่านห้องปฏิบัติการสมจริงด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ  3.การฝึกภาคสนามสุดเข้มข้น  4.โปรแกรม Student Exchange 100% และ  5. ปลูกฝังทักษะความเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างพยาบาลคุณภาพที่พร้อมดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจเอื้ออาทรอย่างแท้จริง

 

ผศ. ดร.บุหงา ตโนภาส รักษาการคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ปัจจุบันระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยมีประชากรสูงวัยในสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2576 จะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) โดยคาดว่าจะมีประชากรสูงวัยถึง 28% ของประชากรทั้งประเทศ ส่งผลให้ความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะพยาบาลวิชาชีพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พยาบาลวิชาชีพกลับมีแนวโน้มลดลงแม้ที่ผ่านมามีหลายสถาบันมีหลักสูตรเพื่อผลิตพยาบาลเพิ่มขึ้น แต่ไม่เพียงพอมีพยาบาลวิชาชีพออกจากระบบเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า อัตราส่วนพยาบาลวิชาชีพต่อประชากรของไทยอยู่ที่ประมาณ 1:316 ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดอัตราส่วนพยาบาลวิชาชีพต่อประชากรที่ 1 ต่อ 250 คน  จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการในด้านการให้บริการทางการดูแลสุขภาพของประชากรไทยได้อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ปัญหาโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ปัญหาสุขภาพมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นบทบาทของพยาบาลวิชาชีพในปัจจุบัน จึงไม่ควรจำกัดอยู่แค่การดูแลรักษาโรคเท่านั้น แต่ต้องสามารถจัดการกับสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ และออกแบบวางแผนการปฏิบัติตนของผู้ป่วยในการดูแลรักษาสุขภาพ ดังนั้น คณะพยาบาลศาสตร์ สจล. จึงออกแบบหลักสูตรที่มุ่งสร้างพยาบาลยุคใหม่ที่ไม่ใช่แค่มีความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญในสายวิชาชีพเท่านั้น แต่ต้องเป็น “พยาบาลนวัตกร” (Innovative Nurse) ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีและเป็นนักคิดเชิงระบบที่สามารถคิดค้น พัฒนา ออกแบบเทคนิคหรือวิธีการจัดการปัญหาสุขภาพแบบองค์รวม เข้าใจบริบทที่ส่ง ผลต่อสุขภาวะของผู้ป่วย และออกแบบการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (Personal Healthcare) ได้อย่างเหมาะสม และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ป่วย 

ผศ. ดร.บุหงา ขยายความเพิ่มเติมว่า นอกจากหลักสูตรการเรียนการสอนที่สอดคล้องตามมาตรฐานวิชาชีพแล้ว คณะพยาบาลศาสตร์ สจล. ยังมีจุดเด่นสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 

  1. หลักสูตรทันสมัย ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล ออกแบบให้เป็น “หลักสูตรแห่งอนาคต” ที่บูรณาการศาสตร์ทางการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพเข้ากับทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม โดยตลอดหลักสูตรผู้เรียนจะได้เรียนรู้และฝึกการใช้เครืองมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ  เช่น การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพด้วย AI และ Big Data, การประยุกต์ใช้ Telemedicine รวมถึงได้ฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ (Systemic Thinking) ซึ่งเป็นหัวใจของการออกแบบการดูแลสุขภาพให้มีความเหมาะสมกับการดูแลสุขภาพรายบุคคลหรือรายกลุ่ม   พร้อมเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการ(Entrepreneurship  Mindset) และการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เพื่อให้ผู้เรียนมีความคิดเชิงบวก มองหาโอกาสในการพัฒนา สร้างเครือข่ายความร่วมมือ คิดค้นนวัตกรรมด้านสุขภาพที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริง พร้อมผสานมุมมองเชิงธุรกิจ เพื่อปูทางสู่การเป็นผู้ประกอบการด้านสุขภาพในอนาคต
  2. ห้องปฏิบัติการสมจริง เทคโนโลยีสุดล้ำ ยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ เรียนรู้ผ่านห้องปฏิบัติการและเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น การใช้ Human Anatomy VR ในการสอนกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาแบบเสมือนจริง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หรือ iPad และอุปกรณ์ VR ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมจอภาพสามมิติที่หมุนดูได้ 360 องศา ช่วยให้เข้าใจโครงสร้างร่างกายได้อย่างชัดเจน   และ สจล.มีสำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิต (KLLC) ที่มี E-book, VDO, Journal ให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองไม่จำกัดเวลา สถานที่  มี KMITL Interactive Digital Center – KIDC นอกจากนี้นักศึกษาได้เรียนรู้และฝึกประสบการณ์ผ่านห้องปฏิบัติการ “Nursing Simulation Lab” ห้องจำลองผู้ป่วยเสมือนจริงทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ทารก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ สามารถแสดงอาการได้เหมือนของมนุษย์ เช่น ชัก หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดจังหวะ เพื่อจำลองสถานการณ์ต่างๆ เช่น การดูแลผู้ป่วยวิกฤตที่มีภาวะหายใจล้มเหลว  ภาวะช็อก  การทำคลอดและการดูแลทารกแรกเกิด เสมือนได้ปฏิบัติการพยาบาลกับผู้ป่วยจริงในโรงพยาบาล 
  3. ฝึกปฏิบัติภาคสนามเข้มข้น ต่อเนื่อง เสริมประสบการณ์จริงตั้งแต่ปีที่ 2 ผู้เรียนจะได้ฝึกปฏิบัติงานจริงกับสถานบริการสุขภาพและโรงพยาบาลตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 โดยเริ่มจากการฝึกปฎิบัติการพยาบาลพื้นฐานที่สถานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่เจ็บป่วยไม่ซับซ้อนในโรงพยาบาล เป็นต้น เพื่อสร้างนักศึกษาให้มีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพการพยาบาล มีการสื่อสารและการสร้างสัมพันธภาพที่ดี  การสังเกต การประเมินผู้รับบริการ การใช้กระบวนการพยาบาลและหลักการพยาบาลพื้นฐาน และค่อยๆ ขยับสู่โรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ และตติยภูมิ ที่มีความซับซ้อนของการรักษามากขึ้นในปีถัดๆ ไป รวมถึงการฝึกในโรงพยาบาลเอกชนและ Wellness Center ชั้นนำ ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และเตรียมพร้อมสู่การเป็นพยาบาลวิชาชีพที่พร้อมทำงานจริงตั้งแต่วันแรกที่สำเร็จการศึกษา
  4. เปิดมุมมองระดับโลก ด้วยโครงการ Student Exchange แบบ 100% ผู้เรียนทุกคนจะมีโอกาสได้เดินทางไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (Student Exchange) กับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งช่วยเปิดโลกทัศน์ เข้าใจวัฒนธรรมที่หลากหลาย และเรียนรู้บริบทการดูแลสุขภาพในระดับนานาชาติ เตรียมความพร้อมสู่การเป็น Global Citizen ที่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายสุขภาพในระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. ปลูกฝัง Soft Skills สร้างพยาบาลนวัตกรหัวใจเอื้ออาทร นอกจากสมรรถนะเชิงวิชาชีพและทักษะด้านเทคโนโลยีแล้ว สิ่งที่ทำให้คณะพยาบาลศาสตร์ สจล. โดดเด่นและแตกต่าง คือการออกแบบหลักสูตรที่ผสานกันอย่างสมดุลระหว่าง “Professional Skills” และ “Soft Skills” หรือ “Human Skills” โดยหลักสูตรจะมุ่งปลูกฝังทั้งทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ การสื่อสารทางการพยาบาล เช่น ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) ความเข้าใจในบริบทของผู้ป่วยในมิติต่างๆ  ความเห็นอกเห็นใจ  การเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างพยาบาลนวัตกรที่มีความเอื้ออาทรในการดูแลผู้ป่วยอย่างแท้จริง  และสามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับนักวิจัย นักออกแบบ วิศวะ นักวิทยาศาสตร์ และทีมสหสาขาวิชาชีพ มีความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อพัฒนานวัตกรรมได้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย 

ในหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตฉบับปรับปรุงใหม่ ปี พ.ศ. 2568 ได้ถูกออกแบบให้ทันสมัยมากขึ้น โดยปรับระยะเวลาการศึกษาให้กระชับเหลือเพียง 4 ปี พร้อมจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับแต่ละชั้นปี โดยเน้นความรู้ที่แตกต่าง หลากหลาย และครอบคลุมทุกมิติของวิชาชีพพยาบาล

ชั้นปีที่ 1 นักศึกษาจะได้เรียนพื้นฐานสำคัญ เช่น พื้นฐานทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ ชีวเคมีและโภชนศาสตร์ วิชาชีพการพยาบาล รวมถึงวิชาทางสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์

ชั้นปีที่ 2 จะเริ่มเน้นด้านวิชาชีพมากขึ้น เช่น การพยาบาลเด็กและวัยรุ่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในวิชาชีพ ปัญหาสุขภาพระดับชุมชน รวมถึงการเรียนรู้บทบาทผู้นำระบบสุขภาพในยุคใหม่

สำหรับชั้นปีที่ 3 นักศึกษาจะได้ฝึกปฏิบัติจริงมากขึ้นในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การพยาบาลผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และสตรี การพยาบาลในภาวะวิกฤต และมีการบูรณาการความรู้ผ่านการวิจัยและนวัตกรรมการพยาบาล

ส่วนชั้นปีที่ 4 เป็นปีสุดท้ายที่มุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นพยาบาลวิชาชีพ โดยมีการฝึกปฏิบัติในชุมชนและโรงพยาบาลจริง การบริหารจัดการทางการพยาบาล ตลอดจนการฝึกงานเฉพาะทางและฝึกปฏิบัติอย่างเข้มข้นก่อนสำเร็จการศึกษา

โดยจำนวนนักศึกษาที่เปิดรับในปีการศึกษาถัดไป มีจำนวน 80 คน

นอกจากโครงสร้างการเรียนรู้ที่ครอบคลุมในแต่ละชั้นปีแล้ว หลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต (หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2568) ยังได้กำหนดวัตถุประสงค์ของหลักสูตร (Program Educational Objectives: PEOs) อย่างชัดเจน เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพทั้งในด้านความรู้ ความสามารถ และคุณธรรม จริยธรรม พร้อมเป็นกำลังสำคัญของสังคมและระบบสุขภาพในอนาคต

โดยบัณฑิตที่จบจากหลักสูตรนี้จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในศาสตร์การพยาบาล การดูแลภาวะวิกฤต และวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในบริบทวิชาชีพ นอกจากนี้ยังต้องสามารถปฏิบัติการพยาบาลได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพ ควบคู่ไปกับการยึดมั่นในคุณธรรม ความซื่อสัตย์ จรรยาบรรณวิชาชีพ และความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลักสูตรยังส่งเสริมให้นักศึกษามีความคิดสร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพร่วมกับสหวิชาชีพ และใช้กระบวนการวิจัยในการแก้ปัญหาในระบบบริการสุขภาพได้อย่างเหมาะสม นักศึกษาจะได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง การคิดวิเคราะห์ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ มีภาวะผู้นำ และสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนทั้งในระดับวิชาชีพและสังคมวงกว้าง ท้ายที่สุด หลักสูตรมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมปรับตัวได้กับความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เทคโนโลยี และระบบสุขภาพที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา

“เพราะการดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่คือการออกแบบชีวิตที่มีคุณภาพให้ผู้ป่วยสามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีคุณค่า มีความสุข และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และมีหัวใจเอื้ออาทรต่อผู้ป่วยอย่างแท้จริง และนี่คือหัวใจสำคัญของการสร้าง “พยาบาลนวัตกร” ของ สจล. ที่สามารถผสานเทคโนโลยีเข้ากับหัวใจของความเป็นมนุษย์ได้อย่างลงตัว ผศ. ดร.บุหงา กล่าวปิดท้าย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *