รวมบุคคลสำคัญของแต่ละมหาวิทยาลัยไทย มาให้ทุกคนได้รู้กัน !!

เชื่อว่าการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของประเทศไทยนั้นมีอายุยาวนานมามากกว่า 100 ปี โดยเริ่มต้นจากการสร้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2460 และมีการสร้างมหาวิทยาลัยอื่นๆเพิ่มขึ้นในลำดับต่อมา ซึ่งประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไทยนั้นมีมา ยาวนานมาก ตลอดในประวัติศาสตร์การสร้างมหาวิทยาลัยไทยใน 100 ปีที่ผ่านมานั้นมีบุคคลสำคัญหรือปูชณียบุคคลที่มีคุณงามความดีต่อมหาวิทยาลัยหรือเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมาและเป็นบุคคลที่นักศึกษาและบุคลากรในสถาบันเคารพมาตลอด วันนี้ผมได้รวบรวมบุคคลสำคัญในแต่ละมหาวิทยาลัยของไทย มาให้ทุกคนได้รู้กัน พร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!!

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้โปรดเกล้าฯให้สร้าง”โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน”ในปี พ.ศ.2442 โดยมี”พระเกี้ยว”เป็นเครื่องหมายโรงเรียนที่บริเวณตึกยาว ข้างประตูพิมานชัยศรี ในพระบรมมหาราชวัง หลังสำเร็จการศึกษาให้นักเรียนเหล่านี้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก จึงมีการเปลี่ยนนามโรงเรียนเป็น “โรงเรียนมหาดเล็ก” ในปี 2445 ในลำดับต่อมา ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการสถาปนาเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในลำดับต่อมา ซึ่งคำว่า”จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”ซึ่งเป็นพระนามเดิมของรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ที่โปรดเกล้าฯสร้าง โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือนหรือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้โปรดเกล้าให้สถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยเริ่มจากพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกโรงเรียนมหาดเล็กเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือน โดยใช้วังวินด์เซอร์(ปัจจุบันเป็นพื้นที่สนามศุภชลาศัย) เป็นสถานที่เรียน ในปีพ.ศ. 2453 พร้อมทั้ง พระราชทานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า “โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” และใช้ทุนที่เหลือจากการสร้างพระบรมรูปทรงม้ามาใช้เป็นทุนโรงเรียนและโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดที่ดินพระคลังข้างที่รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 1,309 ไร่เป็นเขตโรงเรียน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 พร้อมทั้งพระราชทานนามว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)

ซึ่งเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประชาคมจุฬาฯ และผู้มีจิตศรัทธาจึงจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสองรัชกาล เพื่อรำลึกถึงพระผู้พระราชทานกำเนิดและพระผู้สถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และร่วมรำลึกเหตุการณ์ที่เป็นรากฐานของการอุดมศึกษาในประเทศไทย ประดิษฐานบริเวณอยู่ด้านหน้าหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้นิสิตและบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเคารพและสักการะ

พระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขออนุญาติและขอบคุณรูปภาพจาก Facebook : PMCU – Property Management of Chulalongkorn University

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์

ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้ที่มีบทบาทต่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นอย่างมากโดยเป็นผู้ร่างโครงการ หาที่ตั้ง และวางหลักสูตรของมหาวิทยาลัยและได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ประศาสน์การคนแรกและคนเดียวของมหาวิทยาลัยโดยตั้งใจให้เป็นมหาวิทยาลัยตลาดวิชา โดยอุปมามหาวิทยาลัยเป็นเสมือนบ่อน้ำที่บำบัดความกระหายให้แก่ราษฎร ให้ราษฎรมีความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษา เงินทุนของมหาวิทยาลัยอาศัยเงินค่าสมัครเข้าเรียนของนักศึกษาและดอกผลของธนาคารแห่งเอเชียเพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมซึ่งอาจารย์ปรีดีเป็นผู้ก่อตั้ง โดยให้มหาวิทยาลัยถือหุ้นถึง 80% นอกจากนี้ อาจารย์ปรีดียังได้ยกกิจการโรงพิมพ์นิติสาส์นของตนให้มหาวิทยาลัยเพื่อพิมพ์ตำรา ในปีพ.ศ. 2490 คณะรัฐประหารเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ ทำให้มหาวิทยาลัยได้รับผลกระทบโดยตรง ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การ ต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ รัฐบาลนำคำว่า “การเมือง” ออกจากชื่อมหาวิทยาลัย เหลือเพียง “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” พร้อมทั้งยกเลิกตำแหน่งผู้ประศาสน์การ โดยใช้ชื่อตำแหน่งว่าอธิการบดีแทน ซึ่งต่อมาได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ที่บริเวณ หน้าตึกโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์หนึ่งในผู้สร้างมหาวิทยาลัยการเมืองในประเทศไทย

ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์

อนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ ปรีดี พนมยงค์ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์

ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นอธิการบดีคนที่ 10 ซึ่งเป็นผู้ที่มีแนวทางเห็นควรขยายการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ในระดับปริญญาบัณฑิตเพิ่มขึ้นจากที่มหาวิทยาลัยสอนแนวทางการเมืองการปกครองก็ได้ขยายพื้นที่การเรียนการสอนและการพัฒนา มหาวิทยาลัยจึงเจรจาขอแลกเปลี่ยนที่ดิน กับบริเวณนิคมอุตสาหกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตัวของมหาวิทยาลัย โดยมีการขายไปที่ ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ลำปางและพัทยาด้วย และมีการสร้างโครงการเพื่อสังคมต่างๆ อย่างเช่น การรับนักเรียนเรียนดีจากชนบทเข้ามาศึกษา หรือ โครงการช้างเผือก การให้คณะต่างๆ จัดทำโครงการบริการสังคม เป็นต้น ศาสตราจารย์ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นผู้ที่ให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นมีหลักสูตรที่คลอบคลุมจนถึงปัจจุบัน

ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์

มหาวิทยาลัยมหิดล

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นผู้ที่บุคลากรชาวม.มหิดลเคารพด้วยเนื่องจากพระราชกรณียกิจและผู้ซึ่งเป็นพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทยซึ่งมหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยสายแพทย์ของประเทศไทยและพระองค์มีบทบาทต่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยปรับปรุงการศึกษาแพทย์โดยได้ขยายหลักสูตรเป็นแพทยศาสตร์บัณฑิต โดยในพื้นที่โรงพยาบาลศิริราชซึ่งเป็นพื้นที่การศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดล มีพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก อยู่พื้นที่ลาน หน้าอาคารศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีประชาชน นักศึกษาแพทย์ อาจาร์ย บุคคลากรในโรงพยาบาล เคารพอนุสาวรีย์พระองค์อยู่เสมอ

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ณ โรงพยาบาลศิริราช

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ซึ่งเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้นได้เล็งเห็นถึงการผลิตวิชาชีพครู ซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดแคลนเป็นจำนวนมากในขณะนั้น จึงได้จัดตั้ง”โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง” โดยเป็นการจัดการศึกษาในระดับวุฒิประกาศนียบัตรครูประถมศึกษา และประกาศนียบัตรครูมัธยมศึกษาครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่ง ”โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง”เป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในเวลาต่อมา

ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

อนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

ขออนุญาติและขอบคุณรูปภาพจาก Facebook : PRswu

หลวงสวัสดิสารศาสตรพุทธิ

หลวงสวัสดิสารศาสตรพุทธิเป็นผู้อำนวยการคนแรกของ”โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง”และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒซึ่งเป็นผู้ที่อุทิศตนในการทำงานและการเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูงและทำงานกับการศึกษามาอย่างยาวนานจึงเป็นที่เคารพของบุคคลากรของมศวมาอย่างยาวนาน

หลวงสวัสดิสารศาสตรพุทธิ

ขออนุญาติและขอบคุณรูปภาพจาก Facebook : หอจดหมายเหตุ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ศาสตราจารย์ ดร. สาโรช บัวศรี

ศาสตราจารย์ ดร. สาโรช บัวศรี เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในปี พ.ศ. 2496 ดร. สาโรช ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูงในสมัยนั้น ได้เสนอให้ก่อตั้งวิทยาลัยวิชาการศึกษาขึ้น เพื่อเปิดสอนหลักสูตร 2 ปี สำหรับผู้ที่มีวุฒิ ป.ม. หรือเทียบเท่า 4 ปี สำหรับผู้มีวุฒิป.ป. หรือเทียบเท่า ให้มีโอกาสได้เรียนปริญญาตรีทางวิชาชีพครู ซึ่งในยุคสมัยนั้นวิชาชีพครูสูงสุดแค่วุฒิ ป.ม. (ประกาศนียบัตรประโยคครูมัธยม) ซึ่งรับนักเรียกจากระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาศึกษาต่อเทียบเท่ากับอนุปริญญาเท่านั้น ทำให้ปัญญาชนในสมัยนั้นหันไปเรียนวิชาชีพอื่นที่ได้รับใบปริญญา ดร. สาโรช ซึ่งแจ้งให้คณะรัฐมนตรีในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาจึงได้มีมติยอมรับ และผ่านพระราชบัญญัติวิทยาลัยวิชาการศึกษาออกมาและเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในปัจจุบัน

ศาสตราจารย์ ดร. สาโรช บัวศรี

ขออนุญาติและขอบคุณรูปภาพจาก Facebook : PRswu

อนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

มหาวิทยาลัยศิลปากร

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หรือชื่อเดิม กอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) เป็นชาวอิตาลี สัญชาติไทย เป็นประติมากรจากเมืองฟลอเรนซ์ที่เข้ามารับราชการในประเทศไทย และเป็นผู้สถาปนามหาวิทยาศิลปากร ซึ่งเมื่อก่อนชื่อ โรงเรียนประณีตศิลปกรรม ซึ่งภายหลังได้รับการยกฐานะให้เป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีเป็นผู้ที่วางรากฐานให้กับศิลปะไทยสมัยใหม่และได้สอนลูกศิษย์อย่างมีความรักใคร่ ห่วงใยและปรารถนาดีตลอดจนเป็นที่รักและนับถือทั้งในหมู่ศิษย์และอาจารย์ด้วยกันและเป็นบุคคลที่เคารพของชาวศิลปากร โดยตั้งทุกวันที่ 15 กันยายน ทุกปีเป็นวัน ศิลป์ พีระศรี นักศึกษาและบุคลากรชาวศิลปากรจะจัดงานระลึกถึงอาจารย์ศิลป์ พีระศรีในทุกปี

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

ขออนุญาติและขอบคุณรูปภาพจาก หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี

อนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ

ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

ศาสตราจารย์หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็นหนึ่งคนที่มีบทบาทต่อมหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นอย่างมากและดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรท่านแรก และเป็นผู้ที่สถาปนา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ในปี พ.ศ.2511 โดยจัดตั้งคณะอักษรศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ ตามลำดับ หลังจากนั้น จัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (ปัจจุบันคือคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทศโนโลยีอุตสาหกรรม) ในลำดับต่อมา ซึ่งเป็นคนที่ขยายการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยศิลปากรให้มีหลักสูตรที่หลายหลายอย่างในปัจจุบัน

ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (ทองดี เรศานนท์) และหลวงอิงคศรีกสิการ (อินทรี จันทรสถิตย์)

พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (ทองดี เรศานนท์) และหลวงอิงคศรีกสิการ (อินทรี จันทรสถิตย์) หรือเรียกว่า “สามเสือเกษตร” เป็นฉายาที่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ใช้เรียกแทนบุคคลสามคน ได้แก่ พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (ทองดี เรศานนท์) และหลวงอิงคศรีกสิการ (อินทรี จันทรสถิตย์) เป็นผู้ที่มีคุณูปการในการพัฒนาวงการเกษตรไทยและเผยแพร่คุณประโยชน์ทางเกษตรกรรมไปสู่สาธารณชนวางรากฐานการเกษตรและการศึกษาด้านเกษตรศาสตร์และเป็นผู้ที่เสนอก่อตั้ง”โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม”ซึ่งต่อมาเป็น”มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์”ในปัจจุบัน

พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ)

หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ (ทองดี เรศานนท์)

หลวงอิงคศรีกสิการ (อินทรี จันทรสถิตย์)

อนุสาวรีย์สามบูรพาจารย์ อนุสาวรีย์สามเสือแห่งเกษตร

ณ สถาบันเกษตราธิการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)

เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค)

เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) หรือประชาชนทั่วไปออกเรียกนามเรียกเป็นการสามัญว่า”เจ้าคุณทหาร” ซึ่งเจ้าคุณทหารนั้นได้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาตั้งแต่สมัยที่พระองค์ได้ควบคุมงานขุดคลองประเวศบุรีรมย์ผ่านท้องที่เขตลาดกระบัง พระองค์ได้เห็นชาวบ้านในบริเวณนั้นมีปัญหา พระองค์จึงได้มีปรารภกับคุณหญิงเลี่ยม บุนนาค ธิดาลำดับที่ 12 ว่า “หนทางแก้ปัญหาคนในชุมชนให้ดีขึ้นนั้นก็คือการศึกษา” ต่อมาเจ้าคุณทหารได้จับจองที่ดินบริเวณริมคลองประเวศบุรีรมย์ ราว 1,500 ไร่ ตามศักดินาของขุนนางในเวลานั้น โดยมีความตั้งใจ จะใช้ที่ดินดังกล่าว มาพัฒนาการศึกษาในท้องที่ลาดกระบังให้ดีขึ้น ต่อมาเมื่อเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ถึงแก่อสัญกรรม มรดกในผืนดินแปลงใหญ่ตกแก่ท่านเลี่ยม ในเวลาต่อมา เมื่อท่านเลี่ยมได้เห็นสภาพชุมชนที่ไม่ดีขึ้นและในพื้นที่นั้นไม่มีโรงเรียนเลย ท่านจึงได้ร่วมกันกับหลวงพรตพิทยพยัต (พรต เดชา) คู่สมรส ซึ่งนำทุนทรัพย์ส่วนตัวมาร่วมสานต่อเจตนารมณ์ของเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ โดยก่อตั้ง “โรงเรียนพรตพิทยพยัต” ขึ้น สำหรับนักเรียนประถมถึงชั้นมัธยม ต่อมาท่านเลี่ยมได้มอบที่ดินจำนวน 1,041 ไร่ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ดูแล และอีก 200 ไร่ แก่โรงเรียนพรตพิทยพยัต โดยกระทรวงศึกษาธิการได้มอบที่ดินดังกล่าวให้กรมอาชีวศึกษา ต่อมากรมอาชีวศึกษา รับที่ดินเพื่อที่จะนำไปพัฒนาและจัดตั้งเป็นสถานศึกษาอาชีวะขั้นสูง ตามวัตถุประสงค์ของผู้มอบ เพื่อจัดการเรียนการสอนเทียบเท่าระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาช่างและเกษตรกรรม และให้ใช้ชื่อสถานศึกษาว่า “วิทยาลัยเจ้าคุณทหาร”และได้เริ่มก่อตั้ง“สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า”ในครั้งนั้น จนปีพ.ศ. 2522 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า มีการโอนย้ายสถาบันด้วยกันและจัดตตั้งสถาบันด้วยชื่อสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นับแต่นั้น โดยนำคำว่า “เจ้าคุณทหาร” มาใส่ไว้ในชื่อ เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์หรือเจ้าคุณทหารที่มีเจตนารมย์ในการสร้างสถาบันนี้ขึ้น

เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค)

ขออนุญาติและขอบคุณรูปภาพจาก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

นายกีและนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์

นายกีและนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์เป็นคหบดีชาวเชียงใหม่ซึ่งผู้คนในเชียงใหม่ยกย่องและเคารพนับถือมากคนหนึ่งในยุคสมัยนั้นและเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.2482 รัฐบาลมีนโยบายที่จะจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นในส่วนภูมิภาคแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง การดำเนินงานจึงชะงักลง  ต่อมาเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมาในปี พ.ศ.2496 นางกิมฮ้อ และนายกี นิมมานเหมินท์ริเริ่มความคิดในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภาคเหนือขึ้นมา โดยทำการยกที่ดินให้กับคณะมิชชันนารีอเมริกัน ซึ่งในขณะนั้นคณะมิชชันนารีคณะนี้กำลังทำหนังสือขออนุมัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งก็ได้รับการปฏิเสธจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยอ้างว่าการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเป็นเอกสิทธิของรัฐบาลกลางเพียงผู้เดียว ประชาชนชาวเชียงใหม่ที่นำโดย นายกี และนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ ได้เรียกร้องให้มีการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาขึ้นในส่วนภูมิภาค โดยขอให้รัฐบาลจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องอย่างหนัก และส่วนหนึ่งของการแสดงการเรียกร้องในครั้งนั้นคือ การแสดงความคิดการพิมพ์บัตรต่างๆ อย่างเช่น บัตรสแตมป์ บัตรวงกลม บัตรห่วง รณรงค์ผ่านหลังสือพิมพ์ จนรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็จะสร้างมหาวิทยาลัยที่เป็นสาขาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งนางกิมฮ้อร่วมกับนายกีได้บริจาคที่ดินจำนวน 100 ไร่เศษ ณ บริเวณฝั่งตะวันตกของตัวเมืองใกล้เชิงดอยสุเทพ แต่รัฐบาลในยุคนั้นไม่ยอมรับ จนถึงรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงเริ่มได้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขึ้น ในพื้นที่บริเวณฝั่งตะวันตกของตัวเมืองใกล้เชิงดอยสุเทพกับพื้นที่ นางกิมฮ้อ และนายกี นิมมานเหมินท์ได้บริจาคและได้มีการตัดถนนในพื้นที่ในในการสัญจรถนนนั้นก็คือ ถนนนิมานเหมินท์ในปัจจุบัน

นายกีและนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์

ศาสตราจารย์หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็นหนึ่งในผู้ที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคเหนือขึ้นมา โดยในสมัยรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยมีหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เปิดการประชุมโครงการพัฒนาการศึกษาในส่วนภูมิภาค ภาคการศึกษา 8 โดยการประชุมครั้งได้พูดถึงเรื่องการสร้างมหาวิทยาลัยว่า”การตั้งมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค ตามความเรียกร้องของประชาชน ที่ประชุมเห็นว่าน่าจะจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงใหม่ …ด้วยเป็นความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง…” เมื่อได้ข้อสรุปแล้วรัฐบาลได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในปีพ.ศ.2503 และเปิดในปี พ.ศ.2507 ในลำดับต่อมา

ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

ภาพศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล แสดงแผนผังการสร้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อพ.ศ. 2503

ขออนุญาติและขอบคุณรูปภาพจาก สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มหาวิทยาลัยแม่โจ้

พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ)

พระช่วงเกษตรศิลปาการ (ช่วง โลจายะ) เป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยแม่โจ้และเป็น”บิดาการเกษตรแม่โจ้”ซึ่งพระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) เป็นเป็นอาจารย์ใหญ่คนสุดท้ายของโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือซึ่งก่อตั้งโดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการในปี พ.ศ.2477 ก่อนที่จะมาเป็นโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมภาคเหนือ ในปี พ.ศ. 2479 พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) มีความตั้งใจทำงามและมีคณูปการ คุณงามความดีต่อมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตลอดตั้งแต่การเป็นครูใหญ่โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือจนถึงการเป็นมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่เห็นในปัจจุบัน

พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ)

ศาสตราจารย์ วิภาต บุญศรี วังซ้าย

ศาสตราจารย์ วิภาต บุญศรี วังซ้าย เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมแมโจ้เป็นรุ่นแรก เมื่อปี  พ.ศ.2477 ซึ่งถือเป็นรุ่นบุกเบิกและสร้างแม่โจ้ และจบในปี พ.ศ.2478 และได้มาทำงานในสถาบันที่ตัวเองเรียนอีกครั้งโดยอาจารย์ที่โรงเรียนประถมกสิกรรมฝึกหัดครูภาคเหนือแม่โจ้ จนเมื่อปี พ.ศ. 2497 อาจารย์วิภาต ได้กลับเข้าราชการอีกครั้ง ในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้ กองโรงเรียนเกษตรกรรมและบริหารสถานศึกษาเรื่อยมาจนได้รับตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร ในปี พ.ศ. 2518 อาจารย์วิภาตเป็นบุคคลที่อุทิศตนในการทำงานให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้มาตลอดทั้งชีวิตและเป็นผู้ที่อยู่ตั้งแต่เป็นศิษย์เก่าจนถึงการเป็นอธิการบดี


ศาสตราจารย์ วิภาต บุญศรี วังซ้าย

ขออนุญาติและขอบคุณรูปภาพจาก The Library MJU

มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ศาสตราจารย์พิมล กลกิจ

ศาสตราจารย์พิมล กลกิจเป็นรองอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในปี พ.ศ.2509 และเป็นอธิการบดีในปีพ.ศ.2512 ศาสตราจารย์พิมลเป็นบูรพาจารย์ที่สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับม.ขอนแก่นและเป็นผู้ที่เริ่มการจัดสร้าง”ศาลเจ้าพ่อมอดินแดง” เนื่องจากในสมัยปีพ.ศ.2509 นั้นพื้นที่มหาวิทยาลัยนั้นเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง คณาจารย์ประสบอุบัติเหตุทางรถเสียชีวิตหลายท่าน คนงานถูกรถชนตาย นักศึกษาแตกแยกกัน ศาสตราจารย์พิมล จึงได้มีเริ่มสร้างศาลเจ้าพ่อมอดินแดง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2509 เพื่อเป็นความสิริมงคลให้กับมหาวิทยาลัยและศาสตราจารย์พิมลเป็นบุคคลที่ได้นำพระธาตุพนมเป็นตราประจำมหาวิทยาลัยโดยได้เดินทางไปยังวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เพื่อกระทำพิธีขออนุญาตนำพระธาตุพนมเป็นตราประจำสถาบัน โดยมีพระเทพรัตนโมลี (พระธรรมราชานุวัตร) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นผู้เติมตราประจำมหาวิทยาลัยเป็นครั้งปฐมฤกษ์และในทุกวันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นวันจัดงานสมโภชเจ้าพ่อมอดินแดง อีกนัยหนึ่งที่จัดวันนั้นก็เพื่อฉลองในวันเกิดของศาสตราจารย์พิมล ผู้ที่สร้างศาสลเจ้าพ่อมอดินแดง งานสมโภชเจ้าพ่อมอดินแดงเป็นงานหนึ่งที่เป็นงานพบปะกันระหว่าง คณาจารย์ นักศึกษาและศิษย์เก่าร่วมฉลองกัน 

ศาสตราจารย์พิมล กลกิจ

และนี่คือบุคคลสำคัญของแต่ละมหาวิทยาลัยของไทยที่ผมรวบรวมมาทุกคนได้ดูกัน ในระยะเวลามากกว่า 1 ศตวรรษในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยของไทย ได้มีบุคคลหลายท่านที่ได้อุทิศตนในการสร้างสถานศึกษาขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนไทยนั้นได้เข้าถึงการศึกษาเหมือนหลายๆประเทศในยุคนั้นและบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่นิสิต นักศึกษา คณาจารย์ในสถาบันยกย่อง เชิดชู และเป็นศูนย์รวมใจของคนในสถาบันที่บุคคลเหล่านี้ได้ก่อตั้งและอุทิศตนในการทำงานได้เป็นที่ประจักษ์ต่อประเทศและสถาบันต่อไปให้คนรุ่นหลังและพัฒนาการศึกษาให้กับประเทศไทยในอนาคตต่อไป

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *