มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 EZ WebmasterDecember 5, 2025 📢 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 โอกาสสำคัญของน้อง ๆ ที่ใฝ่ฝันอยากศึกษาต่อด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และสาขาทันสมัย!มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ระดับปริญญาตรี… 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม EZ WebmasterDecember 5, 2025 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม 1. มหาวิทยาลัยมหิดล (รอบ1.2) วันที่เปิดรับสมัคร ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2568 –8 มกราคม 2569 คณะที่เปิดรับได้เเก่ คณะเทคนิคการแพทย์ / คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี /… ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง EZ WebmasterDecember 5, 2025 🎓 มศก. ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง มศก. เปิดรับสมัครในรอบ 3 (Admission) สำหรับปีการศึกษา… 📌 ร.ร.นารีรัตน์ จ.แพร่ ออกแนวปฏิบัติการแต่งกายช่วงหน้าหนาว อนุญาตใส่เสื้อกันหนาวโทนสุภาพเพื่อความเป็นระเบียบ EZ WebmasterDecember 4, 2025 📌 ร.ร.นารีรัตน์ จ.แพร่ ออกแนวปฏิบัติการแต่งกายช่วงหน้าหนาว อนุญาตใส่เสื้อกันหนาวโทนสุภาพเพื่อความเป็นระเบียบ จากกรณีที่มีการแชร์เรื่องราวในโลกออนไลน์เกี่ยวกับนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ ถูกคุณครูยึดเสื้อกันหนาวสีครีม เนื่องจากผิดระเบียบการแต่งกายของสถานศึกษา ขณะที่อุณหภูมิในช่วงเวลาดังกล่าวลดต่ำลงเหลือเพียง 9–10 องศาเซลเซียส จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 โรงเรียนนารีรัตน์ จังหวัดแพร่… นักศึกษา สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) เปิดรับ “นักศึกษาฝึกงาน” ด้านพัฒนาเว็บไซต์ Joomla! EZ WebmasterDecember 4, 2025 สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) เปิดรับ “นักศึกษาฝึกงาน” ด้านพัฒนาเว็บไซต์ Joomla! ส่วนข้อมูลเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) กำลังมองหานักศึกษาฝึกงานที่มีความสามารถและสนใจการพัฒนาเว็บไซต์ด้วยระบบ Joomla! เพื่อร่วมพัฒนาเว็บไซต์สำหรับเผยแพร่ข้อมูล งานกิจกรรม ข่าวสาร และเอกสารสำคัญขององค์กร ✨ สิ่งที่นักศึกษาจะได้เรียนรู้และปฏิบัติจริง •… คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มจพ. วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ปี’69 โควตา MOU EZ WebmasterDecember 4, 2025 คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มจพ. วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ปี 69โควตา MOU คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2569 โควตา โรงเรียนที่มีความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) สำหรับนักเรียนผู้ที่มีวุฒิการศึกษา… ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง EZ WebmasterDecember 3, 2025 ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง ดร.ณัฐวรพล รัชสิริวัชรบุล รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ราชมงคลพระนคร) กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกผู้คนต่างปรับตัวกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษามีแนวโน้มต้องการศึกษาต่อในระบบที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และมีการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตและการทำงาน ดังนั้นระบบการเรียนแบบ 4 ปี อาจไม่เอื้ออำนวยต่อความต้องการของนักศึกษาในปัจจุบันอีกต่อไป ความท้าทายเหล่านี้จึงทำให้ราชมงคลพระนคร ต้องปรับตัวและพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง… สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถ และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน EZ WebmasterDecember 2, 2025 สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถและพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้ช่วยวิทยากร หลักสูตรพัฒนาศักยภาพการนิเทศเชิงลึกสำหรับศึกษานิเทศก์ ระหว่างวันที่ 26–30 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับศึกษานิเทศก์ จำนวน 55 คน ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้อำนวยการเรียนรู้ (Facilitator) และได้รับการคัดเลือกจาก สสวท. ให้ก้าวสู่บทบาทผู้ช่วยวิทยากร พร้อมทำหน้าที่ขยายผลหลักสูตรนิเทศเชิงลึกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ… ทุนดีดี “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ EZ WebmasterDecember 3, 2025 “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ การศึกษา คือรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีและยั่งยืน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม การเรียนรู้ไม่ควรหยุดนิ่ง ความสนใจใฝ่รู้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการมีองค์ความรู้ที่กว้างขวาง จะช่วยให้สามารถแข่งขันและเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC สานต่อเจตนารมณ์ความห่วงใยและใส่ใจบุคลากร มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน ผ่าน… YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ EZ WebmasterDecember 2, 2025 🔐 YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ โครงการ YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัครผู้นำรุ่นใหม่จาก 10 ประเทศอาเซียน รวมถึงประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเวิร์กช็อปเชิงลึกด้านการป้องกันและรับมือ ภัยหลอกลวงออนไลน์… เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี EZ WebmasterDecember 2, 2025 🌍 เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี โอกาสใหญ่สำหรับคนไทยสายสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมาถึงแล้ว! หลักสูตร MSc Geography of… ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 EZ WebmasterNovember 28, 2025 📰 ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 ด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม… ครู-อาจารย์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ EZ WebmasterDecember 5, 2025 📣 อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ โอกาสดีสำหรับครู นักศึกษา และผู้ที่สนใจด้านการศึกษา!คุรุสภาเปิดอบรมออนไลน์ฟรี ประจำปี 2568 จำนวน 3 หลักสูตร อบรมผ่านระบบออนไลน์ สะดวก… มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! EZ WebmasterDecember 4, 2025 มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ… สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม… กิจกรรม มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม EZ WebmasterDecember 5, 2025 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม 1. มหาวิทยาลัยมหิดล (รอบ1.2) วันที่เปิดรับสมัคร ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2568 –8 มกราคม 2569 คณะที่เปิดรับได้เเก่ คณะเทคนิคการแพทย์ / คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี /… ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง EZ WebmasterDecember 5, 2025 🎓 มศก. ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง มศก. เปิดรับสมัครในรอบ 3 (Admission) สำหรับปีการศึกษา… 📌 ร.ร.นารีรัตน์ จ.แพร่ ออกแนวปฏิบัติการแต่งกายช่วงหน้าหนาว อนุญาตใส่เสื้อกันหนาวโทนสุภาพเพื่อความเป็นระเบียบ EZ WebmasterDecember 4, 2025 📌 ร.ร.นารีรัตน์ จ.แพร่ ออกแนวปฏิบัติการแต่งกายช่วงหน้าหนาว อนุญาตใส่เสื้อกันหนาวโทนสุภาพเพื่อความเป็นระเบียบ จากกรณีที่มีการแชร์เรื่องราวในโลกออนไลน์เกี่ยวกับนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ ถูกคุณครูยึดเสื้อกันหนาวสีครีม เนื่องจากผิดระเบียบการแต่งกายของสถานศึกษา ขณะที่อุณหภูมิในช่วงเวลาดังกล่าวลดต่ำลงเหลือเพียง 9–10 องศาเซลเซียส จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 โรงเรียนนารีรัตน์ จังหวัดแพร่… นักศึกษา สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) เปิดรับ “นักศึกษาฝึกงาน” ด้านพัฒนาเว็บไซต์ Joomla! EZ WebmasterDecember 4, 2025 สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) เปิดรับ “นักศึกษาฝึกงาน” ด้านพัฒนาเว็บไซต์ Joomla! ส่วนข้อมูลเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) กำลังมองหานักศึกษาฝึกงานที่มีความสามารถและสนใจการพัฒนาเว็บไซต์ด้วยระบบ Joomla! เพื่อร่วมพัฒนาเว็บไซต์สำหรับเผยแพร่ข้อมูล งานกิจกรรม ข่าวสาร และเอกสารสำคัญขององค์กร ✨ สิ่งที่นักศึกษาจะได้เรียนรู้และปฏิบัติจริง •… คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มจพ. วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ปี’69 โควตา MOU EZ WebmasterDecember 4, 2025 คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มจพ. วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ปี 69โควตา MOU คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2569 โควตา โรงเรียนที่มีความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) สำหรับนักเรียนผู้ที่มีวุฒิการศึกษา… ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง EZ WebmasterDecember 3, 2025 ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง ดร.ณัฐวรพล รัชสิริวัชรบุล รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ราชมงคลพระนคร) กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกผู้คนต่างปรับตัวกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษามีแนวโน้มต้องการศึกษาต่อในระบบที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และมีการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตและการทำงาน ดังนั้นระบบการเรียนแบบ 4 ปี อาจไม่เอื้ออำนวยต่อความต้องการของนักศึกษาในปัจจุบันอีกต่อไป ความท้าทายเหล่านี้จึงทำให้ราชมงคลพระนคร ต้องปรับตัวและพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง… สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถ และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน EZ WebmasterDecember 2, 2025 สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถและพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้ช่วยวิทยากร หลักสูตรพัฒนาศักยภาพการนิเทศเชิงลึกสำหรับศึกษานิเทศก์ ระหว่างวันที่ 26–30 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับศึกษานิเทศก์ จำนวน 55 คน ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้อำนวยการเรียนรู้ (Facilitator) และได้รับการคัดเลือกจาก สสวท. ให้ก้าวสู่บทบาทผู้ช่วยวิทยากร พร้อมทำหน้าที่ขยายผลหลักสูตรนิเทศเชิงลึกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ… ทุนดีดี “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ EZ WebmasterDecember 3, 2025 “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ การศึกษา คือรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีและยั่งยืน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม การเรียนรู้ไม่ควรหยุดนิ่ง ความสนใจใฝ่รู้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการมีองค์ความรู้ที่กว้างขวาง จะช่วยให้สามารถแข่งขันและเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC สานต่อเจตนารมณ์ความห่วงใยและใส่ใจบุคลากร มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน ผ่าน… YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ EZ WebmasterDecember 2, 2025 🔐 YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ โครงการ YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัครผู้นำรุ่นใหม่จาก 10 ประเทศอาเซียน รวมถึงประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเวิร์กช็อปเชิงลึกด้านการป้องกันและรับมือ ภัยหลอกลวงออนไลน์… เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี EZ WebmasterDecember 2, 2025 🌍 เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี โอกาสใหญ่สำหรับคนไทยสายสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมาถึงแล้ว! หลักสูตร MSc Geography of… ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 EZ WebmasterNovember 28, 2025 📰 ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 ด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม… ครู-อาจารย์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ EZ WebmasterDecember 5, 2025 📣 อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ โอกาสดีสำหรับครู นักศึกษา และผู้ที่สนใจด้านการศึกษา!คุรุสภาเปิดอบรมออนไลน์ฟรี ประจำปี 2568 จำนวน 3 หลักสูตร อบรมผ่านระบบออนไลน์ สะดวก… มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! EZ WebmasterDecember 4, 2025 มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ… สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม… กิจกรรม มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง EZ WebmasterDecember 5, 2025 🎓 มศก. ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง มศก. เปิดรับสมัครในรอบ 3 (Admission) สำหรับปีการศึกษา… 📌 ร.ร.นารีรัตน์ จ.แพร่ ออกแนวปฏิบัติการแต่งกายช่วงหน้าหนาว อนุญาตใส่เสื้อกันหนาวโทนสุภาพเพื่อความเป็นระเบียบ EZ WebmasterDecember 4, 2025 📌 ร.ร.นารีรัตน์ จ.แพร่ ออกแนวปฏิบัติการแต่งกายช่วงหน้าหนาว อนุญาตใส่เสื้อกันหนาวโทนสุภาพเพื่อความเป็นระเบียบ จากกรณีที่มีการแชร์เรื่องราวในโลกออนไลน์เกี่ยวกับนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ ถูกคุณครูยึดเสื้อกันหนาวสีครีม เนื่องจากผิดระเบียบการแต่งกายของสถานศึกษา ขณะที่อุณหภูมิในช่วงเวลาดังกล่าวลดต่ำลงเหลือเพียง 9–10 องศาเซลเซียส จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 โรงเรียนนารีรัตน์ จังหวัดแพร่…
📌 ร.ร.นารีรัตน์ จ.แพร่ ออกแนวปฏิบัติการแต่งกายช่วงหน้าหนาว อนุญาตใส่เสื้อกันหนาวโทนสุภาพเพื่อความเป็นระเบียบ EZ WebmasterDecember 4, 2025 📌 ร.ร.นารีรัตน์ จ.แพร่ ออกแนวปฏิบัติการแต่งกายช่วงหน้าหนาว อนุญาตใส่เสื้อกันหนาวโทนสุภาพเพื่อความเป็นระเบียบ จากกรณีที่มีการแชร์เรื่องราวในโลกออนไลน์เกี่ยวกับนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ ถูกคุณครูยึดเสื้อกันหนาวสีครีม เนื่องจากผิดระเบียบการแต่งกายของสถานศึกษา ขณะที่อุณหภูมิในช่วงเวลาดังกล่าวลดต่ำลงเหลือเพียง 9–10 องศาเซลเซียส จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 โรงเรียนนารีรัตน์ จังหวัดแพร่…
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) เปิดรับ “นักศึกษาฝึกงาน” ด้านพัฒนาเว็บไซต์ Joomla! EZ WebmasterDecember 4, 2025 สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) เปิดรับ “นักศึกษาฝึกงาน” ด้านพัฒนาเว็บไซต์ Joomla! ส่วนข้อมูลเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) กำลังมองหานักศึกษาฝึกงานที่มีความสามารถและสนใจการพัฒนาเว็บไซต์ด้วยระบบ Joomla! เพื่อร่วมพัฒนาเว็บไซต์สำหรับเผยแพร่ข้อมูล งานกิจกรรม ข่าวสาร และเอกสารสำคัญขององค์กร ✨ สิ่งที่นักศึกษาจะได้เรียนรู้และปฏิบัติจริง •… คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มจพ. วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ปี’69 โควตา MOU EZ WebmasterDecember 4, 2025 คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มจพ. วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ปี 69โควตา MOU คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2569 โควตา โรงเรียนที่มีความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) สำหรับนักเรียนผู้ที่มีวุฒิการศึกษา… ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง EZ WebmasterDecember 3, 2025 ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง ดร.ณัฐวรพล รัชสิริวัชรบุล รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ราชมงคลพระนคร) กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกผู้คนต่างปรับตัวกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษามีแนวโน้มต้องการศึกษาต่อในระบบที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และมีการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตและการทำงาน ดังนั้นระบบการเรียนแบบ 4 ปี อาจไม่เอื้ออำนวยต่อความต้องการของนักศึกษาในปัจจุบันอีกต่อไป ความท้าทายเหล่านี้จึงทำให้ราชมงคลพระนคร ต้องปรับตัวและพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง… สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถ และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน EZ WebmasterDecember 2, 2025 สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถและพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้ช่วยวิทยากร หลักสูตรพัฒนาศักยภาพการนิเทศเชิงลึกสำหรับศึกษานิเทศก์ ระหว่างวันที่ 26–30 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับศึกษานิเทศก์ จำนวน 55 คน ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้อำนวยการเรียนรู้ (Facilitator) และได้รับการคัดเลือกจาก สสวท. ให้ก้าวสู่บทบาทผู้ช่วยวิทยากร พร้อมทำหน้าที่ขยายผลหลักสูตรนิเทศเชิงลึกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ… ทุนดีดี “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ EZ WebmasterDecember 3, 2025 “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ การศึกษา คือรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีและยั่งยืน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม การเรียนรู้ไม่ควรหยุดนิ่ง ความสนใจใฝ่รู้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการมีองค์ความรู้ที่กว้างขวาง จะช่วยให้สามารถแข่งขันและเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC สานต่อเจตนารมณ์ความห่วงใยและใส่ใจบุคลากร มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน ผ่าน… YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ EZ WebmasterDecember 2, 2025 🔐 YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ โครงการ YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัครผู้นำรุ่นใหม่จาก 10 ประเทศอาเซียน รวมถึงประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเวิร์กช็อปเชิงลึกด้านการป้องกันและรับมือ ภัยหลอกลวงออนไลน์… เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี EZ WebmasterDecember 2, 2025 🌍 เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี โอกาสใหญ่สำหรับคนไทยสายสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมาถึงแล้ว! หลักสูตร MSc Geography of… ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 EZ WebmasterNovember 28, 2025 📰 ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 ด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม… ครู-อาจารย์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ EZ WebmasterDecember 5, 2025 📣 อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ โอกาสดีสำหรับครู นักศึกษา และผู้ที่สนใจด้านการศึกษา!คุรุสภาเปิดอบรมออนไลน์ฟรี ประจำปี 2568 จำนวน 3 หลักสูตร อบรมผ่านระบบออนไลน์ สะดวก… มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! EZ WebmasterDecember 4, 2025 มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ… สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม… กิจกรรม มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มจพ. วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ปี’69 โควตา MOU EZ WebmasterDecember 4, 2025 คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มจพ. วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ปี 69โควตา MOU คณะวิทยาศาสตร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขต ระยอง รับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2569 โควตา โรงเรียนที่มีความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) สำหรับนักเรียนผู้ที่มีวุฒิการศึกษา… ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง EZ WebmasterDecember 3, 2025 ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง ดร.ณัฐวรพล รัชสิริวัชรบุล รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ราชมงคลพระนคร) กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกผู้คนต่างปรับตัวกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษามีแนวโน้มต้องการศึกษาต่อในระบบที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และมีการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตและการทำงาน ดังนั้นระบบการเรียนแบบ 4 ปี อาจไม่เอื้ออำนวยต่อความต้องการของนักศึกษาในปัจจุบันอีกต่อไป ความท้าทายเหล่านี้จึงทำให้ราชมงคลพระนคร ต้องปรับตัวและพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง… สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถ และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน EZ WebmasterDecember 2, 2025 สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถและพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้ช่วยวิทยากร หลักสูตรพัฒนาศักยภาพการนิเทศเชิงลึกสำหรับศึกษานิเทศก์ ระหว่างวันที่ 26–30 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับศึกษานิเทศก์ จำนวน 55 คน ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้อำนวยการเรียนรู้ (Facilitator) และได้รับการคัดเลือกจาก สสวท. ให้ก้าวสู่บทบาทผู้ช่วยวิทยากร พร้อมทำหน้าที่ขยายผลหลักสูตรนิเทศเชิงลึกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ… ทุนดีดี “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ EZ WebmasterDecember 3, 2025 “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ การศึกษา คือรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีและยั่งยืน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม การเรียนรู้ไม่ควรหยุดนิ่ง ความสนใจใฝ่รู้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการมีองค์ความรู้ที่กว้างขวาง จะช่วยให้สามารถแข่งขันและเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC สานต่อเจตนารมณ์ความห่วงใยและใส่ใจบุคลากร มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน ผ่าน… YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ EZ WebmasterDecember 2, 2025 🔐 YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ โครงการ YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัครผู้นำรุ่นใหม่จาก 10 ประเทศอาเซียน รวมถึงประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเวิร์กช็อปเชิงลึกด้านการป้องกันและรับมือ ภัยหลอกลวงออนไลน์… เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี EZ WebmasterDecember 2, 2025 🌍 เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี โอกาสใหญ่สำหรับคนไทยสายสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมาถึงแล้ว! หลักสูตร MSc Geography of… ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 EZ WebmasterNovember 28, 2025 📰 ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 ด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม… ครู-อาจารย์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ EZ WebmasterDecember 5, 2025 📣 อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ โอกาสดีสำหรับครู นักศึกษา และผู้ที่สนใจด้านการศึกษา!คุรุสภาเปิดอบรมออนไลน์ฟรี ประจำปี 2568 จำนวน 3 หลักสูตร อบรมผ่านระบบออนไลน์ สะดวก… มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! EZ WebmasterDecember 4, 2025 มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ… สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม… กิจกรรม มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง EZ WebmasterDecember 3, 2025 ราชมงคลพระนคร พัฒนา 15 หลักสูตร หนุนเรียนจบเร็ว 3 ปีครึ่ง ดร.ณัฐวรพล รัชสิริวัชรบุล รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ราชมงคลพระนคร) กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกผู้คนต่างปรับตัวกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษามีแนวโน้มต้องการศึกษาต่อในระบบที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และมีการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตและการทำงาน ดังนั้นระบบการเรียนแบบ 4 ปี อาจไม่เอื้ออำนวยต่อความต้องการของนักศึกษาในปัจจุบันอีกต่อไป ความท้าทายเหล่านี้จึงทำให้ราชมงคลพระนคร ต้องปรับตัวและพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง… สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถ และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน EZ WebmasterDecember 2, 2025 สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถและพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้ช่วยวิทยากร หลักสูตรพัฒนาศักยภาพการนิเทศเชิงลึกสำหรับศึกษานิเทศก์ ระหว่างวันที่ 26–30 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับศึกษานิเทศก์ จำนวน 55 คน ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้อำนวยการเรียนรู้ (Facilitator) และได้รับการคัดเลือกจาก สสวท. ให้ก้าวสู่บทบาทผู้ช่วยวิทยากร พร้อมทำหน้าที่ขยายผลหลักสูตรนิเทศเชิงลึกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ…
สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถ และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน EZ WebmasterDecember 2, 2025 สสวท. มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ ความสามารถและพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนไทยอย่างยั่งยืน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้ช่วยวิทยากร หลักสูตรพัฒนาศักยภาพการนิเทศเชิงลึกสำหรับศึกษานิเทศก์ ระหว่างวันที่ 26–30 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับศึกษานิเทศก์ จำนวน 55 คน ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้อำนวยการเรียนรู้ (Facilitator) และได้รับการคัดเลือกจาก สสวท. ให้ก้าวสู่บทบาทผู้ช่วยวิทยากร พร้อมทำหน้าที่ขยายผลหลักสูตรนิเทศเชิงลึกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ…
“สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ EZ WebmasterDecember 3, 2025 “สหพัฒนพิบูล” เติมฝัน สานต่ออนาคตบุตรพนักงาน มอบ 300 ทุนการศึกษา สร้างพลังแห่งการเรียนรู้ การศึกษา คือรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีและยั่งยืน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม การเรียนรู้ไม่ควรหยุดนิ่ง ความสนใจใฝ่รู้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการมีองค์ความรู้ที่กว้างขวาง จะช่วยให้สามารถแข่งขันและเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC สานต่อเจตนารมณ์ความห่วงใยและใส่ใจบุคลากร มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน ผ่าน… YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ EZ WebmasterDecember 2, 2025 🔐 YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ โครงการ YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัครผู้นำรุ่นใหม่จาก 10 ประเทศอาเซียน รวมถึงประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเวิร์กช็อปเชิงลึกด้านการป้องกันและรับมือ ภัยหลอกลวงออนไลน์… เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี EZ WebmasterDecember 2, 2025 🌍 เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี โอกาสใหญ่สำหรับคนไทยสายสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมาถึงแล้ว! หลักสูตร MSc Geography of… ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 EZ WebmasterNovember 28, 2025 📰 ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 ด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม… ครู-อาจารย์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ EZ WebmasterDecember 5, 2025 📣 อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ โอกาสดีสำหรับครู นักศึกษา และผู้ที่สนใจด้านการศึกษา!คุรุสภาเปิดอบรมออนไลน์ฟรี ประจำปี 2568 จำนวน 3 หลักสูตร อบรมผ่านระบบออนไลน์ สะดวก… มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! EZ WebmasterDecember 4, 2025 มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ… สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม… กิจกรรม มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ EZ WebmasterDecember 2, 2025 🔐 YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัคร! ทุนเต็มสำหรับผู้นำรุ่นใหม่สู้ภัยสแกมออนไลน์ โครงการ YSEALI CyberSafe ASEAN 2026 เปิดรับสมัครผู้นำรุ่นใหม่จาก 10 ประเทศอาเซียน รวมถึงประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเวิร์กช็อปเชิงลึกด้านการป้องกันและรับมือ ภัยหลอกลวงออนไลน์… เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี EZ WebmasterDecember 2, 2025 🌍 เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี โอกาสใหญ่สำหรับคนไทยสายสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมาถึงแล้ว! หลักสูตร MSc Geography of… ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 EZ WebmasterNovember 28, 2025 📰 ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 ด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม… ครู-อาจารย์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ EZ WebmasterDecember 5, 2025 📣 อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ โอกาสดีสำหรับครู นักศึกษา และผู้ที่สนใจด้านการศึกษา!คุรุสภาเปิดอบรมออนไลน์ฟรี ประจำปี 2568 จำนวน 3 หลักสูตร อบรมผ่านระบบออนไลน์ สะดวก… มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! EZ WebmasterDecember 4, 2025 มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ… สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม… กิจกรรม มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี EZ WebmasterDecember 2, 2025 🌍 เปิดรับแล้ว! ทุนเต็มจำนวน EPOS จาก DAAD สำหรับปริญญาโทด้าน “ความเสี่ยง สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงมนุษย์” ที่เยอรมนี โอกาสใหญ่สำหรับคนไทยสายสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนมาถึงแล้ว! หลักสูตร MSc Geography of… ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 EZ WebmasterNovember 28, 2025 📰 ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 ด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม…
ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 EZ WebmasterNovember 28, 2025 📰 ทุนปริญญาเอกจาก NTU สิงคโปร์ ประจำปี 2569 ด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม…
อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ EZ WebmasterDecember 5, 2025 📣 อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ โอกาสดีสำหรับครู นักศึกษา และผู้ที่สนใจด้านการศึกษา!คุรุสภาเปิดอบรมออนไลน์ฟรี ประจำปี 2568 จำนวน 3 หลักสูตร อบรมผ่านระบบออนไลน์ สะดวก… มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! EZ WebmasterDecember 4, 2025 มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ… สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม… กิจกรรม มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! EZ WebmasterDecember 4, 2025 มจพ. สุดปลื้ม! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทย์ มจพ. คว้ารางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ด้านเกษตรฯ รับ 5 แสน! ศ.ดร.วิไล รังสาดทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ… สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม… กิจกรรม มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย EZ WebmasterDecember 3, 2025 สสวท. เชิดชูเกียรติ! เปิดทำเนียบ “DPST Hall of Fame 2568” 4 บัณฑิต พสวท. นักวิจัยดีเด่น-ผู้นำพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ประกาศความภาคภูมิใจในการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) เข้าสู่หอเกียรติยศ… แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม…
แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน EZ WebmasterDecember 2, 2025 📚 แนวทางสำหรับครู – 60 วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน สำหรับครูและผู้พัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องการยกระดับการสอนให้สอดคล้องกับ สมรรถนะผู้เรียนยุคใหม่ วันนี้มีชุดตัวอย่าง “60 วิธีการจัดการเรียนรู้” ที่ครอบคลุมทั้ง ด้านความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P/S) คุณธรรม เจตคติ ค่านิยม…
มทร.ธัญบุรี พร้อมปั้นบัณฑิตสู่ยุค NEXT GEN การันตีความสำเร็จด้วยคลื่นมหาชน tui sakrapeeDecember 4, 2025 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในแวดวงการศึกษาไทยผ่านงาน ‘RMUTT NEXT GEN: Open House 2026 : เปิดประตูสู่ราชมงคลธัญบุรี 69’ เมื่อวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2568… ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย EZ Webmaster Related Posts มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดรับรอบ Portfolio ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2569 11 มหาวิทยาลัยรอบPortfolioที่ยังเปิดรับในในเดือนธันวาคม ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์ อบรมออนไลน์ฟรี! รับเกียรติบัตรจากคุรุสภา ปี 2568 รวม 3 หลักสูตรคุณภาพ ม.ศิลปากร ประกาศเกณฑ์ “รอบ 3 Admission” — เปิดรับ 11 คณะ รวมกว่า 5,393 ที่นั่ง Post navigation PREVIOUS Previous post: 10 เทคนิค “ขี้เกียจแบบฉลาด” ที่ทำให้เรียนเก่งขึ้นได้จริงNEXT Next post: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (MFU) ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ผ่านระบบ TCAS69 รอบ Portfolio 1.3 Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
ม.กรุงเทพ จัดงาน The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture @Dib Bangkok tui sakrapeeDecember 4, 2025 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดงาน “The Shape of Tomorrow: Bangkok Art & Architecture” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) และการปรับใช้พื้นที่อาคารให้เกิดคุณค่าใหม่ (Adaptive Reuse) โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิมให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย… Search for: Search
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จับมือ “เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” ลงนาม MOU ขับเคลื่อนระบบจัดการวัสดุรีไซเคิล สู่มหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน tui sakrapeeDecember 4, 2025 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอ็ม พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการจัดการวัสดุรีไซเคิลภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พิธีลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพิ่มคุณค่าและสร้างรายได้จากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่… สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย…
สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 EZ WebmasterDecember 3, 2025 สุดเจ๋ง! สถานศึกษาอาชีวะ รับรางวัลโครงการชีววิถีฯ ระดับประเทศ ประจำปี 2568 สานต่อปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายสง่า แต่เชื้อสาย…
EZ Webmaster November 27, 2025 EZ Webmaster November 27, 2025 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “ รับมือ Future Trend 2026 “ม.มหิดล” เดินหน้าเปิดแผน Medical Disruption ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เตรียมลงทุน Medical AI การแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง โรงงานยาที่มีชีวิต และขับเคลื่อนงานวิจัยระดับโลก “การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์” กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 – มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศเดินเกม “Medical Disruption” ครั้งใหญ่ รับมือ Future Trend 2026 หลังประเมิน Pain Point สำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ตั้งแต่ต้นทุนสุขภาพที่พุ่งสูง บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไปจนถึงปัญหา Health Literacy ของประชาชน ทั้งนี้ ได้วางหมุดหมายระดับประเทศ ด้วยการทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่อง 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคต ได้แก่ Medical AI งานปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โรงงานยาที่มีชีวิต และการแพทย์สมุนไพรมูลค่าสูง เพื่อปิดช่องว่างโครงสร้างสุขภาพของประเทศ พร้อมยกระดับงานวิจัยไทยสู่เวทีโลก และเสริมแกร่งเศรษฐกิจสุขภาพในยุค Wellness Economy โดยแผนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ระบบบริการสุขภาพที่กำลังรับแรงกดดันแต่ยังเป็นการปูรากฐานอุตสาหกรรมการแพทย์ยุคใหม่ได้อีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับ Pain Point ด้านสาธารณสุขที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบทั้งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ หากโฟกัสเฉพาะประเทศไทยจะพบว่า 3 ปัญหาหลักที่ต้องผลักดันนโยบายและแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง ได้แก่ 1.ต้นทุนสุขภาพแห่งชาติสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ ที่มีผลต่อจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็งและโรคติดเชื้อต่างๆ เพิ่มขึ้นตามอายุขัยของประชากร อีกทั้งผู้ป่วยจำนวนมากยังมีอาการป่วยหลายโรคร่วมกัน ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง ประกอบกับประเทศยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้ายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ระบบหลักประกันสุขภาพและงบประมาณของรัฐต้องแบกรับภาระหนักขึ้น สวนทางกับแนวโน้มคนวัยทำงานที่จะจ่ายภาษีรองรับระบบสุขภาพลดลง ซึ่งหากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยอาจเสี่ยงต่อการล่มสลายได้ในอนาคต ประเด็นที่ 2 บุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอและกระจายไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นวิกฤตกำลังคนด้านสาธารณสุขที่รุนแรง โดยเฉพาะแพทย์ เมื่อเทียบกับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้มีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 1,000 คน แต่ไทยกลับมีแพทย์เพียง 1 คนต่อประชากร 2,000 คน และยังเหลื่อมล้ำชัดเจนระหว่างเมืองกับชนบท เช่น กรุงเทพฯ มีแพทย์เฉลี่ย 1 คน ต่อ 462 คน แต่บางจังหวัด เช่น บึงกาฬ มีแพทย์เพียง 1 คนต่อ 5,000 คน สะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ ภาระงานที่หนักหน่วงส่งผลให้แพทย์ทยอยลาออกเฉลี่ยกว่า 455 คนต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 จะมีผู้เข้ารับบริการถึง 40.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยคนไทยต้องพบแพทย์ 3 ครั้งต่อปี ด้วยสถานการณ์นี้กำลังกดทับระบบสาธารณสุขไทยให้ต้องแบกทั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการ ที่ถูกท้าทาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนระบบจะไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประเด็นที่ 3 คนไทยขาดความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ที่เพียงพอ ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาในระบบสุขภาพไทย ทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เสี่ยงต่อโรค การขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพที่ไม่เพียงพอ ร่วมด้วยระบบสุขภาพไทยยังเน้นการรักษาที่ปลายเหตุ เช่น รอให้ป่วยก่อนแล้วจึงรักษา มากกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น ส่งผลให้ภาระหนักไปตกอยู่กับแพทย์และพยาบาล นำไปสู่วงจรปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนไข้ล้น คุณภาพบริการลด บุคลากรลาออก ไปจนถึงงบประมาณไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวเสริมว่า แม้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ใหญ่ ๆ ใน 3 มิติ ซึ่งหากรับมือได้จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่าเทรนด์และอานิสงส์ที่ไทยสามารถจับโอกาสได้ ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) อนาคตของการแพทย์ไม่ได้อยู่ที่การรักษาเมื่อป่วย แต่อยู่ที่การป้องกันก่อนเจ็บป่วยและการรักษาเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลสุขภาพและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ช่วยลดการลองผิดลองถูก เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลต้นทุนสุขภาพในระยะยาว โดยแนวคิดดังกล่าวกำลังกลายเป็นกระแสหลักของระบบสุขภาพทั่วโลก หลายประเทศเร่งลงทุนสร้าง “ฐานข้อมูลพันธุกรรมแห่งชาติ” เพื่อรองรับการแพทย์แม่นยำ เช่น สหราชอาณาจักรที่ดำเนินโครงการ Genomics England ใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชากรในการวินิจฉัยและเลือกการรักษาที่เหมาะสม หรือจีนที่ลงทุนมหาศาลในการสร้างฐานข้อมูล DNA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อปูทางสู่การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคต การแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนอวัยวะด้วย Xenotransplantation การขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย (Organ Shortage Crisis) นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางสาธารณสุขที่รุนแรงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การรอผู้บริจาคอวัยวะทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิต ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและอุบัติการณ์ของโรคเรื้อรังได้ ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องล้างไตกว่า 100,000 ราย และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 16,000 ล้านบาทต่อปีและคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท ในปี 2576 หากยังไม่มีการแก้ไข ดังนั้น การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำอวัยวะจากสัตว์โดยเฉพาะหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ผ่านกระบวนการตัดต่อยีนเพื่อลดการปฏิเสธจากภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงกลายเป็นทางออกสำคัญที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยอวัยวะ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยและลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยในปี 2565 สหรัฐอเมริกาสามารถปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก แม้ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2 เดือน แต่ก็ได้พิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้จริง แต่ยังต้องศึกษาและพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามความท้าทายสำคัญ คือ การต่อต้านของร่างกายมนุษย์ (Rejection) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1. การต่อต้านด้วยแอนติบอดี (Hyperacute Rejection) แอนติบอดีทำลายอวัยวะหมูทันที 2. การต่อต้านในระดับเซลล์ (Cellular Rejection) เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายอวัยวะ 3. การเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ของอวัยวะหมูทำให้อวัยวะขาดเลือดและเสียหาย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการตัดต่อยีนที่แม่นยำเพื่อดัดแปลงพันธุกรรมของหมูให้เข้ากับมนุษย์มากขึ้น ลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกถ่าย Wellness Economy จากการรักษาโรคสู่การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุดในปี 2569 คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของ Wellness Economy จากเดิมที่เน้น “การรักษาผู้ป่วย” ไปสู่ “การสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Preventive Care)” ทั้งดูแล ป้องกัน รักษา ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกลายเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของโลกและเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ต้องเข้าไปช่วงชิงส่วนแบ่ง “ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาด Wellness ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดไว้ 4.5% และคิดเป็น 60% ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกขนาด 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่น่าสนใจว่า ในอนาคตความมั่งคั่งของชาติอาจไม่ได้วัดจากตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร ตามแนวคิด Health is the New Wealth ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทย ถือเป็นดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา โดยในช่วงปี 2565-2566 ประเทศไทยเคยคว้าอันดับ 1 ของโลกในการเติบโตของตลาด Wellness ที่อัตรา 28.4% และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่ผู้นำเศรษฐกิจสุขภาพในเวทีโลก โดยทั้ง 3 เมกะเทรนด์ข้างต้น คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ในการดึงเม็ดเงินจากบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้าสู่ประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาในไทยหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุและอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงภายในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพของเอเชียในอนาคต” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในอนาคตว่า มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในทุกมิติทั้งทีมวิจัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยชั้นนำ ฐานข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม และเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติทั่วโลก จึงมุ่งใช้จุดแข็งเหล่านี้ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) โดยในปี 2569 มหาวิทยาลัยมหิดลได้วางเป้าหมายสำคัญที่ไม่เพียงเพื่อพลิกโฉมสาธารณสุขไทยและตอบรับ Future Trend ของโลก แต่ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Economy และการแพทย์ระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อบ่มเพาะ 4 เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capability) และแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยอย่างยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical AI) – เร่งพัฒนา Medical AI ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบแม่นยำรายบุคคล โดยใช้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของคนไทยที่มีความหลากหลายและสมบูรณ์เป็นทุนสำคัญ โดยได้รับความร่วมมือจาก NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก สนับสนุนฮาร์ดแวร์ GPU และ software สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มูลค่าเทียบเท่า 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาเอกด้าน AI ไม่น้อยกว่า 100 คน รวมทั้งนำซอฟต์แวร์จาก NVIDIA มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมวิจัยยาใหม่ และประมวลผลข้อมูลสุขภาพหลายมิติของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพแม่นยำรายบุคคล (Personalized Healthcare) ที่สามารถทำนายความเสี่ยงและให้คำแนะนำการป้องกันโรคที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ พร้อมผลักดันงานวิจัย Medical AI ของไทยสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ (Xenotransplantation) – เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยในระดับโลก ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ โดยเน้นที่ “ไตหมู” เป็นลำดับแรก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพของประเทศ โดยร่วมมือกับ บริษัท NZeno Limited ผู้นำเทคโนโลยีตัดต่อยีนหมูจากนิวซีแลนด์ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านฟาร์มปลอดเชื้อ และ บริษัท Acino International AG ผู้นำด้านเภสัชภัณฑ์ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาวิจัย พัฒนา สร้างต้นแบบหมูตัดต่อยีนที่เหมาะสมสำหรับการปลูกถ่ายในมนุษย์ ปัจจุบันโครงการนี้อยู่ใน Phase 0 คาดการณ์ว่าจะประสบความสำเร็จและนำมาใช้ได้จริงภายใน 5-9 ปี และตั้งเป้าให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายสามารถใช้งานได้อย่างน้อย 2-5 ปี โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังชาวไทยหลายแสนคนและลดภาระค่าใช้จ่ายในการล้างไต 16,000 ล้านบาทต่อปี และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้าน Xenotransplantation ในภูมิภาค พัฒนาโรงงานยาที่มีชีวิต (ATMP Manufacturing) สร้างยาใหม่จากเซลล์มนุษย์ – สร้างโรงงานยาที่มีชีวิตเพื่อผลิตยากลุ่ม Advanced Therapy Medicinal Products (ATMP) ซึ่งเป็นยายุคใหม่ที่ใช้เซลล์มนุษย์ดัดแปลงยีนในการรักษาโรค เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว และพาร์กินสัน โดยตลาด ATMP ทั่วโลกมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ยกว่า 25% ต่อปี สะท้อนความต้องการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้นักวิจัยไทยจะสามารถพัฒนายาเหล่านี้ได้ในห้องปฏิบัติการ แต่ประเทศไทยยังขาดโรงงานผลิตในระดับอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดลจึงลงทุนก่อสร้างโรงงาน ATMP ขนาดกลางที่ศาลายา ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ผลิตและขยายกำลังการผลิตยา ATMP เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยจริง ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและลดภาระของระบบสุขภาพแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไบโอเทคมูลค่าสูง ส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเซลล์บำบัดและยีนบำบัดของภูมิภาค พัฒนาการแพทย์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่าสูง (Mushroom Bio-Extracts & Nutraceuticals) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง มหาวิทยาลัยมหิดลยังตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพมหาศาลขององค์ความรู้และทรัพยากรชีวภาพของไทย โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งเป็นแหล่งของสารสำคัญทางชีวภาพ (Bio-active compounds) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสมุนไพรจากเห็ดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลกแต่ผลิตภัณฑ์ของไทยยังขาดมาตรฐานการรับรองทางวิทยาศาสตร์และการยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมมูลค่าสูง มหาวิทยาลัยจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมตั้งแต่การสกัดสารบริสุทธิ์ (Extraction & Purification) ด้วยกระบวนการมาตรฐานสากล การศึกษาทางคลินิก (Clinical Validation) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Addition) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ยาแผนปัจจุบันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ (Phytopharmaceuticals) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรม (Nutraceuticals) และสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเห็ดและสมุนไพรไทย ยกระดับผลผลิตเกษตรกรให้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวยังเป็นการมอบทางเลือกการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Healthcare) ให้กับคนไทยและชาวโลก “อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยกำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งเทรนด์อนาคตที่เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ และ Pain Points ที่ต้องเร่งแก้ไข การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการกำหนดนโยบายที่ทันต่อสถานการณ์และเสริมสร้างระบบบริการสุขภาพที่เข้มแข็ง ภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ และภาคประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพของตนเอง ประเทศไทยก็จะมีโอกาสสูงที่จะพลิกโฉมระบบสาธารณสุข พร้อม ๆ กับสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวปิดท้าย
ท่องเที่ยวนิด้า จับมือ สอวช. และ DRAG BANGKOK เปิดพื้นที่เรียนรู้ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะบุคลากร DRAG สร้างต้นแบบเวทีศิลปะร่วมสมัยเพื่อเมืองสร้างสรรค์