“น่าน เบฟเวอเรจ เฟสติวัล” ชิงถ้วยพระราชทาน เปิดฉากชิงชัยยิ่งใหญ่ ร่วมเชียร์ตัดสินยอดฝีมือ 5 มี.ค.นี้

วันที่ 4 มีนาคมเวลา 09.00 น.นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และคณะ ได้ร่วมพิธีเปิดและอัญเชิญถ้วยพระราชทานในพิธีเปิดการแข่งขัน “น่าน เบฟเวอเรจ เฟสติวัล” ครั้งแรกของเทศกาลเครื่องดื่มระดับประเทศ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ลานป่าเป๋ย จังหวัดน่าน โดยงานครัั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายหน่วยงานคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เเละ บริษัท เอเวอร์ เฟล็กซ์ จำกัด รวมถึงหน่วยภาครัฐและเอกชนจังหวัดน่าน

โดยหลังจากพิธีเปิดท่านผู้ว่าฯได้ร่วมชมการแข่งขันบาริสต้ารอบเก็บคะแนนสะสมและร่วมชมบูธสินค้าทั้งจากสปอนเซอร์และร้านจากหน่วยงานต่าง ๆ  ที่มาร่วมงานกันอย่างคึกคัก

ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวว่า อุตสาหกรรมกาแฟจังหวัดน่านมีอัตราการเติบโตมากในแต่ละปี เราจึงมีแนวคิดในการผลิตกาแฟพิเศษระดับพรีเมียมป้อนตลาด ซึ่งก็ได้รบการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

“งานในวันนี้ต้องขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เเละ บริษัท เอเวอร์ เฟล็กซ์ จำกัด รวมถึงหน่วยภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนให้เป็นงานที่มีคุณค่าระดับประเทศ ซึ่งนอกจากจะทำให้ธุรกิจกาแฟตื่นตัวมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้กระบวนการตั้งแต่การปลูก การผลิต จนถึงภาคการตลาดมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าหากเยาวชนคนรุ่นใหม่สนใจที่จะเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ด้านนี้แล้ว จะมีอนาคตที่สดใสรออยู่อย่างแน่นอน” ผู้ว่าฯน่าน กล่าวในที่สุด

นายสมชาติ เจริญสุวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเวอร์เฟล็กซ์ จำกัด ผู้จัดการงาน และผู้สนับสนุนหลักในการจัดงานครั้งนี้กล่าวว่า กาแฟคือเรื่องราวที่คัดสรรเรื่องราวต่าง ๆ มาให้เรียนรู้ได้อย่างน่าสนใจตั้งแต่คนปลูก กระบวนการพัฒนา การตลาดจนถึงปลายทางคือผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ งานครั้งนี้จึงเกิดขึ้นเพื่ออยากบอกเล่าให้ทุกคนได้สัมผัสกระบวนการของกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและขอขอบคุณ มทร.กรุงเทพ มทร.ล้านนา และทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐที่ร่วมสนับสนุนงานในครั้งนี้อย่างดียิ่ง

ด้านนายภาพ แก้วภิรมย์ ผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟ “โรบัสต้า นาน้อย” กล่าวว่า เมื่อก่อนตนเองทำไร่ข้าวโพด แต่ระยะหลังได้ผลผลิตที่ไม่ค่อยดี จึงเปลี่ยนมาปลูกกาแฟอินทรีย์ ความรู้ในการปลูกก็ถามจากผู้รู้บ้าง อ่านจากหนังสือบ้าง ลองผิดลองถูกประมาณ 3 ปีจึงเริ่มมีผลผลิตที่ดี และได้รับการตอบรับจากลูกค้า จนถึงปัจจุบัน ทำธุรกิจนี้มากว่า 6 ปีแล้ว ถือได้ว่าประสบความสำเร็จทั้งการได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งมีลูกค้าและนักท่องเที่ยวบอกต่อ ๆ กันจนยอดขายเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งสิ่งที่ตนเองอยากพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นก็คือ เรื่องของเทคโนโลยีในการผลิต รวมทั้งการทำการตลาดในสื่อโซเชียลมีเดีย ตรงจุดนี้หากมีหน่วยงานของรัฐเข้ามาสนับสนุนก็คิดว่าจะพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นได้ และประเมินว่าในอนาคตธุรกิจกาแฟก็น่าจะยังได้รับความนิยมต่อไปอีกนาน

สำหรับงาน “น่าน เบฟเวอเรจ เฟสติวัล”  จะมีการออกร้านจากกลุ่มเกษตกร ภาครัฐและภาคเอกชนและผู้ประกอบการ มากกว่า 50 บูธ มีการแข่งขันบาริสต้า โดยผู้เข้าแข่งขันที่คัดผ่านการเข้ารอบสุดท้าย 14 ท่าน และบาร์เทนเดอร์ ในระดับอุดมศึกษาและบุคคลทั่วไป ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิเช่น การแข่งขัน Drip Battle จากผู้เข้าแข่งขันกว่า 60 ท่าน กิจกรรม Workshop ด้านกาแฟและเครื่องดื่ม โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะระดับประเทศ

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในพิธีปิดวันที่ 5 มีนาคม 2566 เวลา 19.00 ถึง 21.00 จะมีพิธีประกาศรางวัลชนะเลิศและรับถ้วยพระราชทานสำหรับผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภท รวมถึงรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งและสองในแต่ละประเภทเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเพิ่มเติมในส่วนของรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศสำหรับดริฟท์กาแฟแบบ Open อีกด้วย

.

.

 

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *