หากเราถามตัวเองเมื่อครั้งยังเป็นเด็กเราอาจจะยังตอบไม่ได้ว่าตัวเองชอบอะไรหรืออยากทำอะไร แต่สำหรับเด็กชายวัย 9 ขวบ ที่ชื่อว่า ภูริภัทร พูลสุข หรือน้องภู เขาสามารถตอบได้ทันทีว่า “ผมอยากเป็นนักมวย”

 

 

 

 

 

เด็กชายภูริภัทร พูลสุข (ภู) สปีกเกอร์ที่อายุน้อยที่สุดบนเวที TEDxYouth@Bangkok 2019 เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กที่อดีตเคยถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียนอยู่เป็นประจำ และเขาก็กลับมาโดนพ่อตีซ้ำเพราะความไม่สู้คน น้องภูเล่าว่าในวัยเด็กของเขาเคยลองทำหลายอย่าง ตั้งแต่ลองไปขับรถมอเตอร์ไบค์ ลองไปเตะฟุตบอล แต่เขาก็ไม่ชอบสักอย่างที่ได้ลองทำ จนกระทั่งลูกพี่ลูกน้องของเขาพาเขาไปรู้จักกับกีฬา “มวย” น้องภูก็รู้ได้ทันทีว่า นี่คือสิ่งที่เขาฝัน และเขาจะต้องเป็นนักมวยให้ได้

 

 

น้องภูแอบไปฝึกชกมวยได้ไม่นาน ก็โดนพ่อจับได้และห้ามไม่ให้เขากลับไปชกมวยอีกด้วยเหตุผลที่ว่าเขากลัวลูกจะเจ็บตัวแต่ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นนักมวยน้องภูก็ไม่ยอมแพ้ เขายังแอบไปฝึกชกมวยอยู่บ่อยๆ แม้จะรู้ดีว่าจะต้องโดนพ่อดุหรือตี จนกระทั่งวันหนึ่งเขาและพ่อไปกลับไปที่จังหวัดบ้านเกิดของพ่อ ที่จังหวัดปราจีนบุรี พ่อพบกับเทรนเนอร์เก่าของพ่อที่เข้ามาถามว่า “ทำไมถึงไม่ส่งลูกไปชกมวย” ซึ่งวันนั้นเองที่ทำให้น้องภูได้รู้ว่าพ่อของน้องภูเคยชกมวยมากก่อน และวันนั้นอีกเช่นกันที่พ่อเริ่มเปิดโอกาสให้น้องภูได้เข้าสู่วงการนี้

 

 

พ่อเข้ามาถามว่าน้องภูยังอยากเป็นนักมวยไหม ซึ่งน้องภูก็ตอบอย่างหนักแน่นเช่นเคยว่า “ผมอยากเป็นนักมวย” จากนั้นพ่อจึงพาน้องภูไปวิ่งเป็นสิบกิโลฯเพราะพ่อต้องการจะให้น้องภูเห็นว่าบนเส้นทางที่น้องภูอยากจะเดินนั้นไม่ง่ายเหมือนกับการซ้อมเล่นๆ กับเพื่อน ซึ่งในนาทีนั้นน้องภูเหนื่อยมากจากการวิ่ง แต่นั้นไม่ได้ทำให้เขาท้อ เขายังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นนักมวยให้ได้เช่นเดิม

 

 

 

 

ด้วยครอบครัวของน้องภูไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ไม่ได้มีสิ่งที่พร้อมจะสนับสนุนน้องได้ในทุกด้าน ทำให้เส้นทางสู่การเป็นนักมวยของน้องภูนั้นไม่เคยมีแต้มต่อ ไม่มีมีเงินมากมายที่บ้านมาพร้อมซัพพอร์ต ไม่ได้มีในการแข่งแต่ละครั้ง น้องภูต้องใช้ความอดทนฝึกฝนและพยายามอย่างหนัก ในการฟิตซ้อมร่างกายและพัฒนาการชกของตัวเองให้ดีขึ้นๆ ซึ่งผู้ที่ฝึกซ้อมให้กับเขาก็คือคุณพ่อ ที่เคยห้ามปรามความฝันเขาในครั้งนั้นนั่นเอง และในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่วงการมวยอย่างเต็มตัว และรับฉายาว่า ‘ฉมวกขาว’ เพราะภูเปรียบหมัดชกของเขาว่าแม่นยำและอันตรายเหมือนกับฉมวก ที่เป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพของชาวบ้าน แต่ที่เติมคำว่าขาวเข้าไปเพราะมีไอดอลเป็นบัวขาว บัญชาเมฆ นั่นเอง

 

 

ครั้งแรกในการขึ้นชกของน้องภู ได้ขึ้นจากการที่คู่ต่อสู้ไม่มาแข่งทำให้น้องภูได้ขึ้นไปแสดงฝีมือที่ตอนนั้นยังไม่มากพอทำให้เขาแพ้จากการขึ้นชกเป็นครั้งแรก แต่นั่นไม่ได้ทำให้น้องภูท้อแท้เลย แต่กลับเป็นแรงผลักดันในเขาพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และในที่สุดในสังเวียนครั้งที่ 2 เจ้าฉมวกเหล็กคนนี้ก็คว้าชัยชนะกลับมา

 

 

นอกจากชัยชนะในแต่ละครั้งที่น้องภูได้กลับมาแล้วสิ่งที่น้องภูได้ตามมาก็คือ การคือการเรียนรู้ มันให้เห็นว่าคู่ชกแต่ละคนเป็นอย่างไร เพื่อที่จะนำกลับมาพัฒนาตนเอง และวางแผนในการแข่งรอบต่อๆ ไป นอกจากนี้กีฬามวยยังฝึกระเบียบวินัยของเด็กคนหนึ่ง ที่เคยไม่อยากเรียน ไม่ทำงานจนสอบไม่ผ่าน กลายเป็นคนที่เรียนดีขึ้นจนที่บ้านแปลกใจ เพราะเขานำวินัยที่ได้จากการฝึกฝนมวยไปใช้ในเรื่องการเรียนด้วย

 

 

 

 

 

แม้วันนี้น้องภูหรือฉมวกขาวจะได้เดินบนเส้นทางนักมวยที่ตนเองใฝ่ฝันแล้ว แต่น้องภูก็ยังคงไม่หยุดที่จะพัฒนาและเดินทางชีวิตต่อไป ซึ่งเป้าหมายหรือความฝันอีกหนึ่งอย่างของเขาก็คือ ตำรวจ เพราะเขาอยากจะช่วยเหลือประชาชน และตัวน้องภูรู้ดีว่าอาชีพนักมวยไม่สามารถทำไปได้ตลอดชีวิต วันหนึ่งร่างกายและเรี่ยวแรงก็ย่อมโรยราไป ฉะนั้นเขาจำเป็นจะต้องหางานที่จะสามารถรองรับอนาคตของตัวเองและครอบครัวในอนาคตได้อีกด้วย

 

เรื่องราวของน้องภูทำให้เราพบว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ หากคุณมีความฝันจงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะเดินไปให้ถึงจุดหมายของคุณ ความฝันของคุณ เพื่อตัวคุณ ไม่ว่าจะยากหรือมีอุปสรรคมากมายเพียงใด ก็ขอให้ทุกคนหยุดพักก่อนที่จะเดินออกปทำเพื่อความฝันกันนะคะ

 

“ชีวิตนักมวยของผม มันไม่เคยมีแต้มต่อ แต่ผมจะขอทำตามความฝันของผมให้ดีที่สุด แล้วพวกคุณล่ะ จะเลือกใช้ชีวิตแบบไหน”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

:  https://thepotential.org/

: TEDxYouth@Bangkok 2019

 

 

 

ขอบคุณรูปภาพจาก

: https://www.tnews.co.th/contents/379378/

: https://www.facebook.com/pg/tedxbangkok/photos/?ref=page_internal