“ครูตั้น” ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสายอาชีพ 60 ต่อ 40

รมว.ศึกษาธิการ ถก นโยบายรับนักเรียน ปี 63 ระหว่าง สพฐ.และ สอศ.

ให้หน่วยงานพื้นที่รับทราบข้อปฎิบัติ เล็งเพิ่มผู้เรียนสายอาชีพ 60 และ สายสามัญ 40

เมื่อวันที่  19 ธ.ค.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคอนเฟอร์เรนท์เรื่องการมอบนโยบายการรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2563 ของสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ว่า เป็นการส่งต่อนโยบายให้แก่หน่วยงานระดับพื้นที่ได้รับทราบถึงนโยบายการรับนักเรียน รวมถึงการวางแนวทางเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนในสายอาชีพ และการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งต่อจากนี้ไปสพฐ.และ สอศ.จะต้องทำงานเชื่อมโยงข้อมูลกันให้มากขึ้น เช่น การนำผู้เรียนอาชีวะให้เข้าไปบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีให้แก่โรงเรียนขั้นพื้นฐาน เพราะโรงเรียนบางแห่งอาจยังขาดผู้เชี่ยวชาญด้านไอซีที ซึ่งเรื่องเทคโนโลยีเป็นนโยบานหนึ่งที่ตนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

ส่วนประเด็นการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีพและสายสามัญ ให้ได้ 50 ต่อ  50 นั้น เรื่องนี้ตนมีเป้าหมายการเพิ่มผู้เรียนทั้งสายอาชีพและสายสามัญกว่า 50 ต่อ  50 คือ สัดส่วนผู้เรียนสายอาชีพจะต้องอยู่ที่ 60 ขึ้นไป และสายสามัญ 40 แต่ทั้งนี้เราก็ต้องปรับหลักสูตรการเรียนการสอนอาชีวะ และการพัฒนาครู เพื่อทำให้การเรียนการสอนในสายอาชีพมีความน่าสนใจมากขึ้น และตนมั่นใจว่าหากเราได้ประชาสัมพันธ์ข้อดีของการเรียนสายอาชีพให้มากขึ้น ผู้ปกครองก็จะมีความเชื่อใจที่จะส่งบุตรหลานเข้าเรียนในสายอาชีพมากขึ้นตามไปด้วย

“การเพิ่มผู้เรียนในสายอาชีพให้ได้ 60 % ขึ้นไปนั้นตนคิด ผมมองว่าหากทุกฝ่ายช่วยกันทำงานจะไปที่เป้าหมายนี้ได้แน่นอน  โดยจะต้องปรับความเข้าใจการบริหารจัดการระหว่าง สพฐ.และสอศ.ให้มากขึ้น และ สพฐ.เองก็ไม่ต้องกังวลว่าเงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียนจะลดลง แต่ สพฐ.สามารถขยายโรงเรียนการสร้างความเป็นเลิศเฉพาะทางที่สร้างเด็กเก่งในสายวิทยาศาสตร์ หรือ คณิตศาสตร์ เหมือนที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ได้ดำเนินการอยู่” รมว.ศธ.กล่าว

ต่อข้อถามว่า ขณะนี้กระแสความนิยมอาชีพในปี 2563 จะเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ การทำแพลทฟอร์ม การออกแบบเกม และโลจิสติกส์  แต่การจัดการสอนหลักสูตรของอาชีวะอยู่ในกลุ่มอาชีพที่น่าเป็นห่วงว่าจะมีโอกาสตกงานสูง นายณัฏฐพล  กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยอมรับว่ายังเป็นข้อจำกัดของอาชีวศึกษา และเป็นปัญหาที่เราไม่ได้มีการแก้ไขในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเราทราบถึงความต้องการของตลาดแต่ขณะเดียวกันเรายังขาดบุคลากรในการจัดการเรียนการสอน ดังนั้นขณะนี้ สอศ.กำลังดำเนินการขยายความร่วมมือโครงการทวิภาคีให้มากขึ้น การพัฒนาครู และการปรับหลักสูตรอาชีวศึกษา ซึ่งเชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้าเราสามารถผลิตบุคลากรรองรับตามความต้องการของตลาดแรงงานได้

ที่มา : dailynews.co.th

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *