ญี่ปุ่นประกาศให้ “การเขียนโค้ด” เป็นวิชาบังคับในชั้นประถม เริ่มเรียนตั้งแต่ป. 5 เป็นต้นไป

  “วิชาเขียนโค้ด” กำลังจะกลายเป็นวิชาบังคับในระดับชั้นประถมศึกษาในทุกโรงเรียนของญี่ปุ่น ? Photo: Code.or.jp ญี่ปุ่นประกาศให้วิชาเขียนโค้ดเป็นวิชาบังคับในระดับชั้นประถมศึกษา ญี่ปุ่นประกาศให้วิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer programming) เป็นวิชาบังคับในระดับชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ (เริ่มที่ ป. 5) โดยจะเริ่มปฏิบัติจริงตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2020 เป็นต้นไป ตัวอย่างเนื้อหาที่จะสอนให้เด็กป. 5 เช่น สอนให้นักเรียนวาดรูปทรงเหลี่ยมต่างๆ ด้วยระบบดิจิทัล และเขียนคำสั่งง่ายๆ ให้หลอดไฟ LED กะพริบ อย่างไรก็ดี เป้าหมายของการสอนเขียนโค้ดยังมีมากกว่าการเข้าใจเทคโนโลยี เพราะถือเป็นการสอนเรื่องการคิดอย่างมีตรรกะให้กับเด็กๆ ผ่านการลองผิดลองถูก เหตุผลสำคัญของการบรรจุให้วิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นวิชาบังคับ นอกจากจะเป็นการปรับตัวทางด้านการศึกษาให้สอดคล้องกับยุคสมัยของโลกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานของญี่ปุ่น วงการหุ่นยนต์ญี่ปุ่นเฟ้นหาวิศวกรไอทีฝีมือดีต่างชาติ เพราะตอนนี้ขาดแคลนมาก ต้อนรับเข้าสู่ญี่ปุ่นยุคใหม่ มีคนสูงวัยอายุ 70 ปีขึ้นไป เกิน 1 ใน 5…

อ่านเร็ว จำไว ทำได้ง่ายๆ

ควรอ่านไม่มีเสียงในใจ การอ่านหนังสือไม่จำเป็นต้องออกเสียงในใจ ใครที่อ่านหนังสือโดยมีคำก้องอยู่ในหัว แสดงว่ายังอ่านไม่เป็น ขณะนั้นสมองส่วนความเข้าใจ วิเคราะห์และจินตนาการจะไม่สามารถทำงานได้ เพราะถูกขัดขวางจากคำก้องที่เกิดขึ้น ขณะอ่านในใจไม่จำเป็นต้องอ่านคำทุกคำเหมือนกับการอ่านออกเสียง เช่น คำว่า ประ- ชา – ธิป – ปะ – ไตย สามารถอ่านรวมเป็นคำเดียว แล้วเข้าใจความหมายได้โดยที่ไม่ต้องสะกดทีละคำ สมองของคนเรา พร้อมที่จะตีความหมายของคำออกมาโดยที่ไม่ต้องอ่านทั้งหมดอยู่แล้ว ลองดูจากประโยคนี้ “ ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทาลย เชยีงหใม่ ” เราจะอ่านได้ทันทีเลยว่า “ ผลการศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ “ ทั้งที่คำอ่านผิด นั่นก็เพราะสมองสามารถมองแบบองค์รวมได้โดยอัตโนมัติ ในบทความต่างๆ หนังสือทุกเล่ม ประโยคทุกประโยค จะมีทั้งส่วนที่สำคัญและไม่สำคัญ พยายามหาส่วนสำคัญให้เจอและเน้นไปที่จุดนั้น ลองดูประโยคด้านล่างนี้ “การเลือกตั้งตามกระบวนการ ประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกา จบลงด้วย โอบามา ผู้ชิงตำแหน่งผิวสี…

วิธีคลายเครียดหลังสอบ

หลังจากสอบเสร็จก็คงเครียดกับผลที่จะตามมา กังวลว่าจะผ่านไม่ผ่านเรามาผ่อนคลายกันซักหน่อยและทำให้จิตใจสงบขึ้นอีกด้วย ^_^ 1. ฟังเพลง หามุมสงบ เพลงเพราะๆ เบาๆ หรือเสียงธรรมชาติ เสียงน้ำตก นกร้อง ห้ามฟังเพลงที่โดนจัยในช่วงนั้นๆ เช่น เพลงอกหักในช่วงอกหัก จะแย่ไปใหญ่ 2. เขียนไดอารี่ หรือ วาดรูป ระบายมันออกมาที่ปลายปากกา / ดินสอ มันเลย 3. ไปเที่ยวตากอากาศ หยุดพักผ่อน กลางธรรมชาติ ไฮโซหน่อยก็ต่างจังหวัด ทะเล ไรงี้งบน้อยก็สวนสาธารณะสวนสัตว์ น้ำตก ก็ยังดี 4. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน หยอกล้อกับมันหรือคุยระบายเรื่องอัดอั้นให้มันฟังก็ได้มันไม่รู้เรื่องหรอกแต่ รับฟังอย่างดีชัวร์ 5. จินตนาการแสนสุขนอนลง หลับตา สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้หรือคิดถึงเรื่องที่มีความสุขที่เคยผ่านมา 6. ออกกำลังกาย…

มีคำตอบจบ ม.3 แล้วจะเรียนต่อสายอะไรดี

โดยหลักๆแล้ว แผนการเรียนสายสามัญ จะมี 4 แผนการเรียนด้วยกัน ได้แก่ แผนการเรียน วิทย์-คณิต แผนการเรียน ศิลป์-คณิต (ศิลป์-คำนวน) แผนการเรียน ศิลป์  ภาษา แผนการเรียน ศิลป์  ธุรกิจ เหตุผลที่ต้องใส่ใจกับการเลือก แผนการเรียน เราต้องอยู่กับมันไปถึง 3 ปี ถ้าเรียนแล้วไม่ชอบ น้องๆ อาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายซากได้ ถ้าเรียนในสิ่งที่ไม่ถนัด ก็ส่งผลต่อเกรดรวม ซึ่งเป็นผลลูกโซ่ไปถึงการเข้าเรียนในอนาคต บางคณะในมหาวิทยาลัยกำหนดแผนการเรียนในระดับม.ปลาย ไว้ โดยเฉพาะรับตรงที่จะกำหนดค่อนข้างเยอะ ถ้าจะขอย้ายสายอาจจะลำบาก บางที่ก็ย้ายไม่ได้ ต้องเข้า ม.4 ใหม่ 1. แผนการเรียนวิทย์-คณิต น้องๆต้องมุ่งเน้นใน กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ…

ญี่ปุ่นประกาศให้ “การเขียนโค้ด” เป็นวิชาบังคับในชั้นประถม เริ่มเรียนตั้งแต่ป. 5 เป็นต้นไป

  “วิชาเขียนโค้ด” กำลังจะกลายเป็นวิชาบังคับในระดับชั้นประถมศึกษาในทุกโรงเรียนของญี่ปุ่น ? Photo: Code.or.jp ญี่ปุ่นประกาศให้วิชาเขียนโค้ดเป็นวิชาบังคับในระดับชั้นประถมศึกษา ญี่ปุ่นประกาศให้วิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer programming) เป็นวิชาบังคับในระดับชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ (เริ่มที่ ป. 5) โดยจะเริ่มปฏิบัติจริงตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2020 เป็นต้นไป ตัวอย่างเนื้อหาที่จะสอนให้เด็กป. 5 เช่น สอนให้นักเรียนวาดรูปทรงเหลี่ยมต่างๆ ด้วยระบบดิจิทัล และเขียนคำสั่งง่ายๆ ให้หลอดไฟ LED กะพริบ อย่างไรก็ดี เป้าหมายของการสอนเขียนโค้ดยังมีมากกว่าการเข้าใจเทคโนโลยี เพราะถือเป็นการสอนเรื่องการคิดอย่างมีตรรกะให้กับเด็กๆ ผ่านการลองผิดลองถูก เหตุผลสำคัญของการบรรจุให้วิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นวิชาบังคับ นอกจากจะเป็นการปรับตัวทางด้านการศึกษาให้สอดคล้องกับยุคสมัยของโลกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานของญี่ปุ่น…

อ่านเร็ว จำไว ทำได้ง่ายๆ

ควรอ่านไม่มีเสียงในใจ การอ่านหนังสือไม่จำเป็นต้องออกเสียงในใจ ใครที่อ่านหนังสือโดยมีคำก้องอยู่ในหัว แสดงว่ายังอ่านไม่เป็น ขณะนั้นสมองส่วนความเข้าใจ วิเคราะห์และจินตนาการจะไม่สามารถทำงานได้ เพราะถูกขัดขวางจากคำก้องที่เกิดขึ้น ขณะอ่านในใจไม่จำเป็นต้องอ่านคำทุกคำเหมือนกับการอ่านออกเสียง เช่น คำว่า ประ- ชา – ธิป – ปะ – ไตย สามารถอ่านรวมเป็นคำเดียว แล้วเข้าใจความหมายได้โดยที่ไม่ต้องสะกดทีละคำ สมองของคนเรา พร้อมที่จะตีความหมายของคำออกมาโดยที่ไม่ต้องอ่านทั้งหมดอยู่แล้ว ลองดูจากประโยคนี้ “ ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทาลย เชยีงหใม่ ” เราจะอ่านได้ทันทีเลยว่า “ ผลการศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ “ ทั้งที่คำอ่านผิด นั่นก็เพราะสมองสามารถมองแบบองค์รวมได้โดยอัตโนมัติ…

วิธีคลายเครียดหลังสอบ

หลังจากสอบเสร็จก็คงเครียดกับผลที่จะตามมา กังวลว่าจะผ่านไม่ผ่านเรามาผ่อนคลายกันซักหน่อยและทำให้จิตใจสงบขึ้นอีกด้วย ^_^ 1. ฟังเพลง หามุมสงบ เพลงเพราะๆ เบาๆ หรือเสียงธรรมชาติ เสียงน้ำตก นกร้อง ห้ามฟังเพลงที่โดนจัยในช่วงนั้นๆ เช่น เพลงอกหักในช่วงอกหัก จะแย่ไปใหญ่ 2. เขียนไดอารี่ หรือ วาดรูป ระบายมันออกมาที่ปลายปากกา / ดินสอ มันเลย 3. ไปเที่ยวตากอากาศ หยุดพักผ่อน กลางธรรมชาติ ไฮโซหน่อยก็ต่างจังหวัด ทะเล ไรงี้งบน้อยก็สวนสาธารณะสวนสัตว์ น้ำตก ก็ยังดี…

มีคำตอบจบ ม.3 แล้วจะเรียนต่อสายอะไรดี

โดยหลักๆแล้ว แผนการเรียนสายสามัญ จะมี 4 แผนการเรียนด้วยกัน ได้แก่ แผนการเรียน วิทย์-คณิต แผนการเรียน ศิลป์-คณิต (ศิลป์-คำนวน) แผนการเรียน ศิลป์  ภาษา แผนการเรียน ศิลป์  ธุรกิจ เหตุผลที่ต้องใส่ใจกับการเลือก แผนการเรียน เราต้องอยู่กับมันไปถึง 3 ปี ถ้าเรียนแล้วไม่ชอบ น้องๆ อาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายซากได้ ถ้าเรียนในสิ่งที่ไม่ถนัด ก็ส่งผลต่อเกรดรวม ซึ่งเป็นผลลูกโซ่ไปถึงการเข้าเรียนในอนาคต บางคณะในมหาวิทยาลัยกำหนดแผนการเรียนในระดับม.ปลาย ไว้ โดยเฉพาะรับตรงที่จะกำหนดค่อนข้างเยอะ ถ้าจะขอย้ายสายอาจจะลำบาก…