แนวทางสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมพฤติกรรมการดูวิดีโอที่เหมาะสมของวัยรุ่น โดย Dr. Garth Graham, Global Director, YouTube Health

ในยุคดิจิทัลที่คอนเทนต์ต่างๆ บนวิดีโอมีบทบาทอย่างมากสำหรับไลฟ์สไตล์ประจำวันของวัยรุ่น “การใช้เวลาหน้าจอ” (Screen Time) จึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่องในครอบครัว โรงเรียน และหน่วยงานด้านสุขภาพจิตทั่วโลก เพื่อให้ตอบโจทย์ความท้าทายนี้ YouTube ได้ร่วมมือกับ American Psychological Association (APA) ในการเผยแแพร่ คู่มือสำหรับผู้ปกครองฉบับใหม่ สำหรับผู้ปกครองเพื่อเป็นแนวทางในการดูแลพฤติกรรมการรับชมวิดีโอของวัยรุ่น ในบทความนี้ Dr. Garth Graham, Global Director, YouTube Health ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ และแนวปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้ได้จริงสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการสนับสนุนลูกหลานให้เติบโตในโลกดิจิทัล


ทำไม “อินฟลูเอนเซอร์” จึงมีอิทธิพลต่อวัยรุ่นมากในยุคนี้?

ทุกวันนี้ วัยรุ่นใช้เวลาอยู่กับโลกออนไลน์มากกว่าที่เคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคอนเทนต์จาก “อินฟลูเอนเซอร์” ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นแรงบันดาลใจหลักในชีวิตประจำวันของพวกเขา คำถามคือ ทำไมคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์จึงมีพลังดึงดูดใจวัยรุ่นได้มากขนาดนี้?

ข้อมูลจากงานวิจัยของ American Psychological Association (APA) ชี้ให้เห็นว่าวัยรุ่นมีแนวโน้มตอบสนองต่อ “บริบททางสังคม” ได้ไวกว่าช่วงวัยอื่น สมองของพวกเขาถูกพัฒนาให้ให้ความสำคัญกับการยอมรับจากเพื่อนฝูงและสังคมโดยรอบ ทำให้พวกเขามีแนวโน้มเชื่อมโยงกับผู้ที่มีความสนใจหรือประสบการณ์ใกล้เคียงกันได้ง่าย ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์หลายคนมักสร้างคอนเทนต์ที่สะท้อนความสนใจแบบเดียวกันกับวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟชั่น ดนตรี สุขภาพจิต การแสดงออกถึงตัวตน หรือแม้แต่ประเด็นทางสังคม สิ่งเหล่านี้ทำให้อินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นเหมือน “เพื่อนร่วมทาง” บนโลกออนไลน์

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏในคอนเทนต์ออนไลน์ส่วนใหญ่นั้นถูกคัดสรรและตัดต่อมาอย่างดี ซึ่งอาจทำให้วัยรุ่นเข้าใจผิดว่านั่นคือความจริงในชีวิตของผู้อื่น และส่งผลต่อการประเมินคุณค่าในตัวเองโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะหากพวกเขาเห็นมาตรฐานในอุดมคติเหล่านี้ซ้ำๆ

ข้อมูลเชิงลึกจากคณะกรรมการที่ปรึกษาสำหรับเยาวชนและครอบครัว (Youth and Families Advisory Committee) ของ YouTube ระบุว่าวัยรุ่นมีแนวโน้มจะรู้สึกแย่กับตัวเองมากกว่าผู้ใหญ่ หากได้รับชมคอนเทนต์ที่สื่อถึงมาตรฐานความงามหรือความสำเร็จในอุดมคติซ้ำๆ สิ่งนี้อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและการมองเห็นคุณค่าของตัวเองในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ เราได้นำข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มาต่อยอดในการพัฒนามาตรการป้องกันเพิ่มเติมสำหรับการแนะนำคอนเทนต์ และในขณะเดียวกันก็ยังคงเปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้สำรวจคอนเทนต์ในหัวข้อต่างๆ ที่พวกเขาชื่นชอบด้วย จากการทำงานร่วมกับคณะกรรมการที่ปรึกษาสำหรับเยาวชนและครอบครัว เราได้ระบุหมวดหมู่ของคอนเทนต์ที่อาจไม่เป็นอันตรายหากดูแค่วิดีโอเดียว แต่สามารถก่อให้เกิดปัญหากับวัยรุ่นบางคนได้หากดูซ้ำๆ นอกจากนี้เรายังได้จำกัดการแนะนำวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเหล่านั้นซ้ำๆ สำหรับวัยรุ่นด้วย

เข้าใจวัยรุ่นผ่านคอนเทนต์: วิธีเริ่มต้นบทสนทนาเรื่องคอนเทนต์ที่สนใจ 

ในยุคที่คอนเทนต์ออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของวัยรุ่น ผู้ปกครองควรตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัย ทั้งในด้านบวกและลบ โดยเฉพาะเมื่อคอนเทนต์นั้นมีอิทธิพลต่อมุมมอง ความสัมพันธ์ และพฤติกรรมของพวกเขา คอนเทนต์ที่ดีสามารถช่วยส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจ มองโลกในแง่ดี และพัฒนาทักษะการสื่อสารของวัยรุ่นได้ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้พวกเขาค้นหาความสนใจและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงขึ้นกับผู้อื่น

จากงานวิจัยพบว่า “เนื้อหา” สำคัญกว่าสื่อหรือช่องทางที่ใช้รับชม ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้นหรือยาว ผ่านโทรศัพท์ หรือทีวี สิ่งที่วัยรุ่นดูนั้นมีผลมากกว่าวิธีที่พวกเขาเข้าถึงในช่องทางต่างๆ  

ผู้ปกครองควรเริ่มต้นด้วยการสนทนาอย่างใส่ใจ ไม่ใช่การสอดส่องหรือควบคุม อาจจะถามคำถามปลายเปิด เช่น “คอนเทนต์นี้ทำให้รู้สึกอย่างไร” หรือ “ชอบอะไรเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์คนนี้” การพูดคุยเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้วัยรุ่นฝึกคิดวิเคราะห์ แยกแยะคอนเทนต์ที่มีสปอนเซอร์หรือเนื้อหาที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง  จุดสำคัญคือการรับฟัง ไม่ใช่การตัดสิน เพราะเมื่อวัยรุ่นรู้สึกว่าตนได้รับความเข้าใจและไม่ถูกควบคุม พวกเขาจะเปิดใจมากขึ้น และนั่นคือก้าวแรกของการสร้างความตระหนักรู้ที่ยั่งยืน

 

ควรเข้มงวดเรื่อง “การใช้เวลาหน้าจอ” ของบุตรหลานหรือไม่?

ในยุคที่เทคโนโลยีอยู่รอบตัว ความกังวลเรื่อง “การใช้เวลาหน้าจอ” เป็นเรื่องเข้าใจได้สำหรับผู้ปกครอง แต่การควบคุมแบบเข้มงวดอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด โดยเฉพาะสำหรับวัยรุ่นซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้ความรับผิดชอบและการจัดการตัวเอง 

จากงานวิจัยพบว่าการกำหนดกฎเกณฑ์ตายตัว เช่น จำกัดเวลาอย่างเข้มงวด อาจไม่ได้ผลเท่ากับการเน้นสมดุลในชีวิตประจำวัน สิ่งสำคัญคือการไม่ให้หน้าจอรบกวนกิจกรรมหลัก เช่น การนอนหลับ การออกกำลังกาย การใช้เวลาไปกับงานอดิเรกที่ชื่นชอบ และการพบปะสังสรรค์แบบเห็นหน้ากัน  นอกจากการกำหนดกฎเกณฑ์เวลาหน้าจอสำหรับครอบครัวแล้ว เครื่องมืออย่างการแจ้งเตือนให้พักสายตาและการช่วยเตือนให้เข้านอน ยังช่วยให้วัยรุ่นสามารถจัดการเวลาในการท่องโลกออนไลน์ของตนเองได้ การแจ้งเตือนให้พักสายตาใน YouTube จะปรากฏขึ้นทุกๆ 60 นาทีเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่สามารถปรับการตั้งค่าได้

แต่ไม่ว่าคู่มือจะมีประโยชน์มากแค่ไหน พฤติกรรมของผู้ปกครองเองคือตัวอย่างสำคัญที่วัยรุ่นจะเรียนรู้ หากผู้ใหญ่แสดงให้เห็นถึงการใช้สื่อดิจิทัลอย่างมีสติ เช่น การเว้นเวลาใช้อุปกรณ์ การพักจากหน้าจอ หรือการตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์กับคอนเทนต์ ก็จะช่วยส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีในวัยรุ่นได้โดยธรรมชาติ รวมทั้งการเปิดใจพูดคุยกันอย่างเท่าเทียม สิ่งนี้จะสร้างบทสนทนาเชิงบวกมากกว่าการออกกฎโดยไม่ตัดสิน แต่ร่วมกันหาทางออก เช่น “เรามาช่วยกันคิดว่าจะใช้เวลาออนไลน์ยังไงให้สมดุลดีไหม?” จะช่วยให้วัยรุ่นมีส่วนร่วมและรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของตนมากขึ้น เพราะการดูแลวัยรุ่นในโลกดิจิทัล คือการร่วมเดินทาง ไม่ใช่การควบคุม

 

สร้างนิสัยดิจิทัลที่ดีให้วัยรุ่น สามารถเริ่มต้นจากตัวผู้ปกครองเอง
หากคุณอยากสนับสนุนให้ลูกวัยรุ่นใช้สื่อดิจิทัลอย่างฉลาด สิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นตัวอย่างที่ดี งานวิจัยพบว่าพฤติกรรมของผู้ใหญ่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเรียนรู้ของเด็ก ไม่ต่างจากการปลูกฝังเรื่องโภชนาการหรือการออกกำลังกาย 

ในยุคที่ AI และอินฟลูเอนเซอร์มีบทบาทในชีวิตประจำวัน การช่วยให้วัยรุ่นแยะแยะข้อมูลที่เชื่อถือได้ เข้าใจเบื้องหลังของโฆษณา รวมถึงรู้เท่าทันคอนเทนต์ที่สร้างจาก AI กลายเป็นทักษะที่จำเป็น ผู้ปกครองจึงควรพูดคุยและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างได้จริงคือ “น้ำเสียง” ในการพูดคุย วัยรุ่นมักตอบสนองดีขึ้นเมื่อผู้ใหญ่เข้าหาด้วยความเข้าใจและอยากรู้ มากกว่าการตัดสินหรือสั่งสอน นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับ Common Sense Networks เพื่อสร้าง คู่มือการสร้างคอนเทนต์ของวัยรุ่นสำหรับครอบครัว (Family Guide to Teen Content Creation) ที่นำเสนอไอเดียและหัวข้อสนทนาเพื่อให้การสนทนาเหล่านี้ง่ายขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *