จุฬาฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน

จุฬาฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และ สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จฯ มายังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ โดยมี ศ. (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ พร้อมด้วยผู้บริหารมหาวิทยาลัย และนิสิตภูฏานที่ศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฝ้าฯ รับเสด็จ

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก เสด็จเข้าห้องรับรอง หอประชุมจุฬาฯ ทรงลงพระปรมาภิไธยและพระนามาภิไธยในสมุดเยี่ยม ศ. (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทูลเกล้าฯ ถวายฉลองพระองค์ครุยดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ ทูลเกล้าฯ ถวายฉลองพระองค์ครุยดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก เสด็จเข้าหอประชุมจุฬาฯ ศ. (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และอ่านประกาศราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณเนื่องในโอกาสที่สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

ในโอกาสนี้ นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาระหว่างประเทศ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ในฐานะที่ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกรด้วยพระราชหฤทัยตั้งมั่นบนการพัฒนาอันยั่งยืน ทรงให้ความสำคัญด้านการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ทรงดำเนินโครงการในพระราชดำริโดยให้ความสำคัญแก่เยาวชนและเด็ก ทรงเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และทรงสนับสนุนการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นของประชาชนตามวิถีประชาธิปไตย และทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา แด่สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ในฐานะที่ทรงเป็นนักพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน ทรงมีพระปรีชาสามารถ พระเมตตาและพระวิสัยทัศน์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวภูฏานทั้งในด้านสุขภาวะ ความเสมอภาค การอนุรักษ์และการพัฒนา และนำพาประเทศไปสู่ความเป็นสมัยใหม่

จากนั้น ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาแก่นิสิตภูฏานแด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก จำนวน 5 ทุน และถวายแด่สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก จำนวน 5 ทุน ในการนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระราชทานพระราชดำรัส นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึกแด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก อธิการบดีจุฬาฯ ทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึกแด่สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก

จากนั้น สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ทรงฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับกรรมการสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาวิทยาลัย ณ ห้องรับรองหอประชุมจุฬาฯ

ในการนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ทอดพระเนตรการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมไทย-ภูฏาน ณ หอประชุมจุฬาฯ ประกอบด้วยการแสดง 3 ชุด ได้แก่

  • การขับร้องและบรรเลงเพลงชาติภูฏาน และเพลงชาติไทย โดยนิสิตภูฏาน วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงนักร้องประสานเสียง สโมสรนิสิตจุฬาฯ การแสดงชุดนี้เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ของทั้งสองราชอาณาจักร ภายใต้การฝึกซ้อมโดย ผศ.ชูวิทย์ ยุระยงค์ การร่วมบรรเลงและขับร้องโดยนิสิตจุฬาฯ และนิสิตภูฏานเป็นภาพสะท้อนความสัมพันธ์ทางวิชาการและวัฒนธรรมที่แน่นแฟ้นดำเนินมาอย่างต่อเนื่องระหว่างสองประเทศ การบรรเลงเพลงชาติในพิธีสำคัญครั้งนี้ยังเป็นการประกาศเจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัยในการธำรงรักษาไมตรีจิตระหว่างประชาคมโลกผ่านพลังแห่งดนตรีซึ่งเป็นภาษาสากลที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกัน เสียงดนตรีที่ดังก้องในหอประชุมจุฬาฯ จึงไม่เพียงเป็นส่วนหนึ่งของพิธีการ หากยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเทศไทย และราชอาณาจักรภูฏานอีกด้วย

  • การบรรเลงเพลงโหมโรงมหาจุฬาลงกรณ์ โดยวง ChulaThaiYo และวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพลงโหมโรงมหาจุฬาลงกรณ์ เป็นบทเพลงดนตรีไทยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดิมทำนองของเพลงนี้เป็นเพลงร้องแบบสากล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีคุณหญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา และนายสุภร ผลชีวิน ประพันธ์คำร้อง ต่อมาในปี 2497 ครูเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล ได้รับพระบรมราชานุญาตให้เรียบเรียงทำนองเดิมให้เป็นทางดนตรีไทยสำหรับวงปี่พาทย์ โดยคงทำนองสำคัญของเพลงเดิมไว้บางตอน เพื่อรักษาทำนองพระราชทานเดิมให้คงอยู่ ภายหลัง ครูเทวาประสิทธิ์ได้สอนดนตรีไทยแก่วงดนตรีของสโมสรนิสิตจุฬาฯ ทำให้เพลงนี้ถูกนำขึ้นบรรเลงในกิจกรรมสำคัญของมหาวิทยาลัย และกลายเป็น “เพลงโหมโรงประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” อย่างสมบูรณ์ เพลงนี้จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์ของสถาบัน การยกย่องพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นมรดกทางดนตรีที่สะท้อนรากเหง้าทางวัฒนธรรมของชาติไทย

  • การบรรเลงและขับร้องเพลง “รัตนบริบาลร่มเย็นมาช้านานทั้ง 2 แผ่นดิน” บรรเลงโดยวง ChulaThaiYo โดยนิสิตโครงการพัฒนาวิชาการศิลปะไทย ประกอบการแสดงโดยนิสิตโครงการพัฒนาวิชาการศิลปะไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ การแสดงชุดนี้เป็นการแสดงที่พัฒนาต่อยอดมาจากผลงานวิจัยสร้างสรรค์ “ชุดไตรภูมิ” ในรูปแบบที่เรียบเรียงขึ้นใหม่เป็นพิเศษ เพื่อน้อมถวายแด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เนื่องในโอกาสเสด็จฯ จุฬาฯ เพื่อทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เพลงชุดไตรภูมิได้รับรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก่อกำเนิดจากแรงบันดาลใจในหลักไตรภูมิทางพุทธศาสนา ซึ่งกล่าวถึงโลกสามภูมิเพื่อสะท้อนวัฏจักรชีวิตและความปรารถนาในการก้าวสู่ความหลุดพ้น ณ แดนพระนิพพาน การแสดงในครั้งนี้ได้คัดสรรเฉพาะ “มนุษยภูมิ” และ “เทวภูมิ” มาปรับเรียบเรียงใหม่ ซึ่ง 2 ส่วนนั้นถ่ายทอดความเคลื่อนไหวและความงดงามของชีวิตมนุษย์ ส่วนเทวภูมิสะท้อนความ สว่างไสว ความร่มเย็น และความสุขอันเกิดจากการประกอบความดีความร่มเย็นด้วยพุทธธรรม ซึ่งสอดคล้องกับพระจริยวัตรของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ที่ทรงยึดมั่นในทศพิธราชธรรม และการดูแลประชาชนดุจ “รัตนบริบาล” ผู้คุ้มครองแผ่นดินด้วยธรรมและพระเมตตา ในส่วนหลัง รศ.ดร.ยุทธนา ฉัพพรรณรัตน์ รองอธิการบดีได้ประพันธ์บทร้องและทำนองขึ้นใหม่ต่อท้าย ชื่อว่าบทเพลง “รัตนบริบาล” เพื่อใช้ในการขับร้องและบรรเลงประกอบการแสดงในครั้งนี้ มีความหมายสื่อถึงความงดงามร่มเย็นของผืนแผ่นดินภูฏาน การเทิดทูนความดีที่ทรงเปี่ยมด้วยทศพิธราชธรรมในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และความมีไมตรีจิตของไทย-ภูฏานอันยาวนาน ตลอดจนความปลื้มปีติและชื่นชมยินดีของประชาคมจุฬาฯ ในการถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในครั้งนี้

หลังจบการแสดง สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระราชทานช่อดอกไม้แก่ อ.วรธนะ ตันเจริญผล ผู้ฝึกซ้อมและอำนวยเพลง วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงนักร้องประสานเสียง สโมสรนิสิตจุฬาฯ ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ศิลปินแห่งชาติ ผู้ฝึกซ้อมและปรับวง ChulaThaiYo และวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.ยุทธนา ฉัพพรรณรัตน์ รองอธิการบดี ผู้ประพันธ์เรียบเรียงเพลง “รัตนบริบาลร่มเย็นมาช้านานทั้ง 2 แผ่นดิน” และปรับวง ChulaThaiYo สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก พระราชทานช่อดอกไม้แก่นายกิตติพัชญ์ ตรีรัตน์ฤดเวท นิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ผู้แทนนักดนตรี และ น.ส.กุลนิษฐ์ เชี่ยวสกุล นิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ผู้แทนนักแสดง

จากนั้น สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก เสด็จไปยังอาคารมหาจุฬาลงกรณ์ ทรงวางพวงมาลัยถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ ห้อง 111 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *