รอบพอร์ต : โอกาสที่ดี หรือคำถามเรื่องความยุติธรรมในการคัดเลือก?

รอบพอร์ต: โอกาสที่ดี หรือคำถามเรื่องความยุติธรรมในการคัดเลือก?

รอบพอร์ต : โอกาสที่ดี หรือคำถามเรื่องความยุติธรรมในการคัดเลือก?

การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาผ่านระบบ TCAS รอบ1 Portfolio ถือเป็นหนึ่งในช่องทางสำคัญที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดง “ตัวตน ความสนใจ และความอยากเรียนจริง” ในสาขาที่สมัคร ซึ่งแตกต่างจากการสอบด้วยคะแนนหรือเกรดเพียงอย่างเดียว แต่ในทางปฏิบัติ เรากลับพบคำถามที่เกิดขึ้นเสมอว่า

📌 กรรมการใช้เกณฑ์อะไรในการดูว่าเด็ก “อยากเรียนจริง”?
📌 แล้วพอร์ตที่ดีควรดูจากอะไร — ปริมาณผลงาน หรือความจริงใจ?


“ความจริงใจ” คือสิ่งที่กรรมการมองหา

จากที่พี่แฮนด์ได้พูดคุยกับอาจารย์หลายมหาวิทยาลัยที่เป็นกรรมการตรวจพอร์ต ทุกคนต่างพูดตรงกันว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่มองหาใน Portfolio ไม่ใช่ความหรูหรา ไม่ใช่จำนวนหน้า ไม่ใช่เข้าค่ายหรือแข่งขันมากแค่ไหน แต่คือสิ่งเดียวคือ

ความจริงใจ หรือที่หลายคนเรียกว่า Passion

เหมือนที่ อ.ชาลี ผู้จัดการระบบ TCAS เคยพูดไว้ตอนแถลงข่าว TCAS69 ที่เคยการเป็นดราม่ามาแล้ว

ว่า Portfolio ไม่ใช่เอกสารโชว์ความเก่ง แต่คือ “หลักฐานของความอยากเรียน”


ไม่ใช่ “ทำเยอะ” แต่ต้อง “ทำจริง”

เด็กบางคนมีกิจกรรมมากมาย แต่เล่าไม่ได้ว่าได้อะไรจากสิ่งที่ทำ
บางคนมีแค่กิจกรรมเดียว แต่เล่าได้ชัดเจนว่าทำไม กิจกรรมนี้เปลี่ยนเขาอย่างไร และเชื่อมกับสาขาที่อยากเรียนอย่างไร

พอร์ตที่ดีจึงไม่ใช่พอร์ตที่สวยที่สุด แต่คือพอร์ตที่ สะท้อนตัวตนได้ชัดที่สุด


SOP — หัวใจสำคัญของ Portfolio

สิ่งหนึ่งที่พี่แฮนด์ย้ำอยู่เสมอว่าเวลาไปบรรยายคือพยายามถ่ายทอดความ “อยากเรียน” ให้ดีที่สุดผ่านการคือ SOP ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Portfolio 10 หน้าที่น้อง ๆ ต้องส่งก่อนเพื่อการ Pre Screening ก่อนที่จะได้เข้าไปพิสูจน์ตัวตนในด่านสุดท้ายคือการสัมภาษณ์

SOP ไม่ใช่การเขียนเพื่อให้ดูดี แต่คือการตอบคำถามว่า:

  • ทำไมเราถึงอยากเรียนคณะนี้?

  • เราเริ่มสนใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?

  • เราเคยทำอะไรเพื่อพิสูจน์ความสนใจของตัวเอง?

  • เรามองอนาคตของตัวเองอย่างไร?

เมื่อเด็กตอบคำถามเหล่านี้ได้ชัด นั่นคือ “Passion” ที่แท้จริง ซึ่งจะจริงหรือเปล่าไม่รู้แต่มันจะถูกพิสูจน์อีกครั้งตอนที่น้อง ๆ ได้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์
เพราะกรรมการสอบจะหาความจริงใจในการอยากเรียนของน้อง ๆ อีกครั้งที่เขียนมาผ่านการสัมภาษณ์อย่างแน่นอน


รอบพอร์ต: โอกาสที่ดี แต่ความเหลื่อมล้ำยังมีอยู่จริง

แม้รอบพอร์ตจะเปิดทางให้เด็กที่มีความสนใจชัดเจนได้แสดงตัวตน แต่เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรยังไม่เท่าเทียม เช่น

  • การเข้าค่าย กิจกรรม หรือ Open House มีค่าใช้จ่าย

  • โรงเรียนในเมืองกับชนบทเข้าถึงประสบการณ์ต่างกัน

  • นักเรียนบางกลุ่มมีที่ปรึกษา แต่บางกลุ่มต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง

โอกาสในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ แหล่งที่ได้มาของผลงานยากง่ายที่ไม่เท่ากัน สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กจำนวนหนึ่งรู้สึกว่า “สู้ไม่ได้” แม้จะมีความสามารถไม่ต่างกันเลย 


แล้วเด็กควรเริ่มจากตรงไหน?

สิ่งที่อยากย้ำกับน้อง ๆ เสมอคือ

❌ อย่าใช้ต้นทุนที่จำกัด เป็นข้อแม้
✅ ให้เริ่มจากสิ่งที่ “ทำได้” ก่อนเสมอ

✔️ ศึกษาระเบียบการของคณะที่สนใจล่วงหน้า
✔️ อ่านคำสั่งคุณสมบ้ติ เกณฑ์คัดเลือกล่วงหน้า ดูว่าคณะต้องการพอร์ตแบบไหย คนแบบไหน
✔️ ออกแบบกิจกรรมหรือผลงานที่ “ตอบโจทย์” ให้ได้ตรงตามคำสั่งให้มากที่สุด
✔️ และที่สำคัญที่สุด — ต้องเริ่มให้เร็วที่สุด

การเริ่มทำพอร์ตใน ม.6 มัก “สายเกินไป” — เพราะตอนนั้นเด็กส่วนใหญ่ ยังไม่รู้จักตัวเอง

ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม และการที่เด็กจำนวนมากไม่รู้จักตัวเอง จะยังคงอยู่ หากหลักสูตรแกนกลางยังไม่เปลี่ยนหรือไม่เปิดโอกาสให้เด็ก สำรวจความสนใจ / พัฒนาทักษะหลากหลาย / เรียนรู้แบบลงมือทำ / มีโอกาสได้ค้นคว้าหาข้อมูล แลกเปลี่ยนความคิดเห็น .


ต้นทางของปัญหา — ต้องเริ่มที่ “ระบบการศึกษา”

ปัญหาที่เด็กไม่รู้จักตัวเอง ความเหลื่อมล้ำ และพอร์ตที่สะท้อนไม่ตัวตน อาจไม่ใช่ปัญหาของเด็ก แต่เป็นผลจากระบบการศึกษา ที่ยังไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้

🟢 สำรวจความสนใจ
🟢 ลงมือทำจริง
🟢 คิดต่อยอด
🟢 แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
🟢 พัฒนาทักษะตามบริบทของตัวเอง


🔥 การเปลี่ยน “การสอน” = การให้โอกาสเด็ก “รู้จักตัวเองเร็วขึ้น”

นี่คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่…

✨ การสร้าง #Passion
✨ การลดจำนวน #เด็กซิ่ว
✨ การพาเด็ก “ที่อยากเรียนจริง” เข้าสู่คณะ/สาขาที่เหมาะสม

เพราะ “การศึกษา” ไม่ควรเป็นการเติมข้อมูลใส่เด็ก
แต่ควรเป็น “การจุดไฟแห่งการเรียนรู้” ในตัวเขา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *