วิกฤตหนัก มรภ. โอด กลุ่ม ทปอ. แย่งรับเด็กเข้ามหา’ลัย TCAS68 รุนแรง

มรภ. วิกฤตหนัก กลุ่ม ทปอ. แย่งรับเด็กเข้ามหาวิทยาลัย ทีแคส ปี 68 รุนแรงกว่าเดิม เร่งปรับตัว ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตมากขึ้น

วันที่ 3 มิ.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ประผลการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือ ทีแคส ปีการศึกษา 2568 รอบ 3 แอดมิสชั่น ซึ่งพบว่า ผลคะแนนสูงต่ำแต่ละคณะ/สาขา ค่อนข้างสูงกว่าที่ทปอ. คาดคะแนนไว้

โดยเฉพาะ คณะแพทย์ศาสตร์ของกลุ่ม กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทะลุขอบบนที่ทปอ.ทำนายไว้ ในทุกมหาวิทยาลัย ขณะที่คณะนิติศาสตร์ วารสารศาสตร์ ติดอันดับคณะสาขายอดนิยม นั้น

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา นางมาลิณี จุโฑปะมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) บุรีรัมย์ ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ กล่าวว่า กลุ่มมรภ.ถือว่ารับเด็กได้ตามเป้า โดยเน้นรับเด็กในพื้นที่เข้าเรียน

อมรับว่า อาจมีบางมหาวิทยาลัยที่รับเด็กได้น้อยลง แต่ก็เป็นจำนวนที่ไม่มากนัก และไม่มีผลกระทบกับมหาวิทยาลัย โดยคณะ/สาขาที่รับเด็กได้น้อยลงส่วนใหญ่จะเป็นในสาขาที่ไม่ได้รับความนิยมแล้ว เช่น สาธารณสุข เป็นต้น ส่วนสาขาที่ได้รับความนิยมก็ยังรับเด็กได้ตามเป้าเช่น ครุศาสตร์

ภาพรวม มรภ. ทุกแห่งมีการพัฒนาศักยภาพ สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ยังไม่มีมรภ.ใดที่น่าเป็นห่วง แต่ละแห่งจะมีการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ จับมือกับเครือข่ายเพื่อพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของมรภ.

“อย่างไรก็ตาม เรื่องการพัฒนาพื้นที่ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด การนำนวัตกรรม งานวิจัยต่าง ๆ มาพัฒนาชุมชนทำให้งานที่ออกมามีคุณค่าและสร้างเป็นมูลค่าเกิดเป็นรายได้ที่หล่อเลี้ยงชุมชน ถือเป็นการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น สร้างโอกาสการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทุกคน ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปเรียนจังหวัดที่อยู่ห่างไกล สิ่งเหล่านี้เป็นเป้าหมายหลักของมรภ.ทั้ง 38 แห่งทั่วประเทศ” นางมาลิณี กล่าว

ด้าน นายอดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) นครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยกลุ่มเล็ก อาทิ มรภ. ขนาดเล็ก และมหาวิทยาลัยเอกชนบางส่วน ที่เน้นเปิดสอนด้านสังคมศาสตร์ กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการรับเด็กผ่านระบบทีแคส ซึ่งที่ผ่านมา โดยเฉพาะทีแคสปี 2568 พบว่า มหาวิทยาลัยกลุ่มทปอ.หลายแห่ง รับเด็กได้เต็มจำนวนตั้งแต่รอบ 1 พอร์ตฟอริโอ และรอบ 2 รอบโควตา

ที่ผ่านมาการรับเด็กเข้าเรียนมหาวิทยาลัย มีแนวโน้มแย่งเด็กกันรุนแรงมาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้ยิ่งรุนแรงหนักขึ้น ซึ่งในส่วนของมหาวิทยาลัยหลายแห่งเริ่มปรับตัว อย่างที่มรภ.นครราชสีมาเอง ก็ไม่ได้มองการรับเฉพาะนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพียงกลุ่มเดียว โดยตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า Life long Learning ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเปิดหลักสูตรระยะสั้น หรือหลักสูตรอื่น ๆ เพื่อรับคนในวัยทำงานเข้าเรียน

ขณะเดียวกัน มรภ. คงต้องกลับไปทำหน้าที่อื่นตามพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ไม่ว่าจะเป็นการผลิตนวัตกรรมเพื่อช่วยพัฒนาพื้นที่ พัฒนุมชน คงจะไม่มองเรื่องการผลิตบัณฑิต โดยรับเด็กที่จบจากม.6 เพียงอย่างเดียว แต่ต้องขยายขอบเขตไปในกลุ่มคนที่มีอาชีพแล้วหรือกลุ่มคนวัยทำงาน ในลักษณะการอัพสกิล รีสกิล หรือลงไปในกลุ่มเด็กที่เรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

โดยเปิดให้มีการสะสมหน่วยกิต ระบบเครดิตแบงก์ ตั้งแต่เรียนในระดับชั้นม.ปลาย เพิ่มความหลากหลายในการจัดการศึกษาให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถรับเด็กได้เพิ่มขึ้น จะจัดการศึกษาเพื่อรับเด็กม.6 มาเป็นนักศึกษาประจำการเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพออีกต่อไป โดยสถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับทั่วโลก

นายอดิศร กล่าวต่อว่า สำหรับมหาวิทยาลัยที่รับเด็กได้น้อยเข้าขั้นวิกฤต ส่วนใหญ่จะเป็นมรภ. เล็ก ๆ กลุ่มภาคตะวันออก แต่ยังไม่ถึงขั้นปิดตัว เพราะมรภ. ถือเป็นส่วนราชการ ดังนั้นจึงต้องปรับตัว อาทิ ทำวิจัย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตมากขึ้น โดยที่ผ่านมาเคยมีการพูดถึงแนวทางแก้ปัญหา โดยการควบรวมมหาวิทยาลัย แต่ก็ถือว่า เป็นไปได้ยากและไม่ใช่เรื่องง่ายในทางบริหาร

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9787560

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *