ความแตกต่างของกระเป๋านักเรียนประถม ระหว่าง ไทย และ ญี่ปุ่น

ในปี 2014 โซอีย์ เดสชาเนล ดาราสาวชาวอเมริกันที่เป็นที่นิยมในช่วงยุคนั้น ได้นำกระเป๋านักเรียนประถมญี่ปุ่นมาสะพาย ทำให้ผู้คนให้ความสนใจและอยากที่จะทำตามกระแส แฟน ๆ หลายคนจึงตามหากระเป๋านักเรียนญี่ปุ่นแบบเดียวกับเธอมาสะพายตาม จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมกระเป๋านักเรียนประถมของญี่ปุ่น ถึงได้มีราคาแพงกว่าประเทศอื่น ๆ และยังเป็นที่นิยมอย่างมากภายในประเทศอีกด้วย

Randoseru หรือกระเป๋านักเรียนของญี่ปุ่นที่มีความนิยมใช้อย่างมากในระดับประถม และยังเป็นกระเป๋านักเรียนที่ดูเรียบ ๆ ไม่มียี่ห้อใดๆ แต่กลับมีราคามันสูงถึงหลักหมื่นบาท จากผลสำรวจในปี 2022 กระเป๋านักเรียนประถมทั่วไป มีราคาใบละประมาณ 15,000 บาท ซึ่งอาจดูเหมือนกับว่าการที่นักเรียนประถมในประเทศญี่ปุ่นใช้กระเป๋า Randoseru นั้นคือระเบียบหรือข้อบังคับ แต่ความเป็นจริงนั้น ทางโรงเรียนประถมในญี่ปุ่นไม่ได้การบังคับให้ใช้ Randoseru แต่เป็นธรรมเนียมของคนญี่ปุ่นเองที่จะซื้อ Randoseru ให้ลูกเมื่อเข้าชั้น ป.1 และตามธรรมเนียมลูกก็จะใช้กระเป๋าใบนี้ยาวๆ ไปจนจบชั้น ป.6 จึงต้องเลือกกระเป๋าที่มีความแข็งแรง ซึ่งกระเป๋าที่มีความแข็งแรงทนทาน ก็ต้องมีราคาที่แพงเป็นธรรมดา เพราะวัสดุต้องมีความคงทน แข็งแรง และเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นนิยมที่จะใช้ของในประเทศเป็นหลักและไม่มีประเทศไหนใช้กระเป๋าของนักเรียนประถมแบบญี่ปุ่น Randoseru จึงเป็นการผลิตที่ญี่ปุ่นเท่านั้นและถือเป็น ‘งานฝีมือญี่ปุ่น’ แท้ ๆ แบบไม่ได้ใช้เครื่องจักรเย็บ แต่ใช้มือเย็บ จึงสามารถอธิบายได้ว่าทำไม Randoseru ที่ขายนั้นราคา 15,000 บาท ขึ้นไปถือเป็นปกติ

 

ในทางกลับกันประเทศไทยไม่ได้มีการออกแบบกระเป๋าสำหรับนักเรียนระดับประถมหรือระดับมัธยมอย่างเป็นทางการ ยกเว้น บางโรงเรียนที่มีการออกแบบกระเป๋าสะพายของโรงเรียนโดยเฉพาะ จึงทำให้เหล่านักเรียนส่วนใหญ่ สามารถเลือกซื้อกระเป๋าเป้ได้ทุกรูปแบบ จากการสังเกตนักเรียนไทยในปัจจุบันจะพบว่า นักเรียนไทยจำนวนมากที่สะพายกระเป๋าเป้ที่มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 5 กก. ไปเรียนทั้งสัปดาห์ เพราะเหตุผลที่ว่า ห้ามเก็บของไว้ที่โรงเรียน และถ้าหากนักเรียนคนไหนที่ลืมนำหนังสือมาในบางรายวิชาก็มีการทำโทษอีกด้วย จึงทำให้เหล่านักเรียนต้องพกทั้งสมุด หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ แม้แต่หลายโรงเรียนที่มีตู้ล๊อคเกอร์ แต่ก็ยังไม่เปิดให้นักเรียนได้ใช้งาน เป็นสาเหตุให้นักเรียนไทยจำนวนไม่น้อยที่ยังต้องทนแบกของไปกลับ จากบ้านและโรงเรียน ทั้งยังมีบางโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนแบบเปลี่ยนห้องเรียนในแต่ละคาบ หรือการเดินเรียนยิ่งทำให้เด็กต้องแบกรับน้ำหนักของกระเป๋ามากขึ้นอีกด้วย ซึ่งการสะพายกระเป๋าเป้ที่มีน้ำหนักมากนั้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย ข้อมูลทางวิชาการระบุว่า การสะพายกระเป๋าเป้สะพายหลังที่มีน้ำหนักมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว จะส่งผลให้กล้ามเนื้อบ่าทำงานหนัก จากการแบกรับน้ำหนักจากการเกร็งและการกดทับของกระเป๋า และในส่วนของกระเป๋าเรียนแบบถือ ถ้าหากมีน้ำหนักมากเกินไปก็จะส่งผลกับกล้ามเนื้อแขนไหล่และกล้ามเนื้อบ่าจนถึงคอ และเกิดอาการเมื่อยล้า เป็นสาเหตุของอาการกล้ามเนื้ออักเสบชนิดเรื้อรัง

นอกจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทางร่างกายแล้ว ยังสามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจของนักเรียน จากการที่ต้องทนทรมานจากการต้องรับน้ำหนักที่มากเกินไป และความกังวลที่กลัวว่าจะถูกลงโทษหากลืมนำหนังสือมา จนทำให้ขาดความสุขในการไปโรงเรียน ทำให้ประสิทธิภาพทางด้านการเรียนลดลงอีกด้วย

โดยสรุปแล้ว กระเป๋านักเรียนของ ไทย และ ญี่ปุ่น นั้นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันด้วยทั้งรูปทรง วัสดุ และความทนทาน และกระเป๋านักเรียนของญี่ปุ่นยังมีการป้องกันและลดการเกิดปัญหาสุขภาพได้มากกว่า ถึงแม้จะมีราคาสูง แต่สามารถใช้ได้นาน มีความทนทาน น้ำหนักเบากว่า และเป็นงานฝีมือของคนญี่ปุ่นเอง แต่กระเป๋านักเรียนของทางญี่ปุ่นเองก็อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานของนักเรียนไทยเช่นเดียวกัน ในส่วนของการใช้กระเป๋านักเรียนของประเทศไทย ข้อดีคือสามารถเลือกซื้อกระเป๋าได้เองในหลายแบบ ซึ่งทำให้สามารถเลือกซื้อตามความชอบและลวดลายตามความสนใจของเด็กได้ มีราคาที่หลากหลายก็สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้เช่นเดียว และประเทศไทยเองก็ยังสามารถแก้ไขปัญหาของเด็กนักเรียนที่สะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากเกินไปได้ด้วยการลดจำนวนของอุปกรณ์การเรียน หรือการอนุญาตให้เด็กสามารถเก็บของไว้ที่โรงเรียนได้ก็มีส่วนที่จะลดภาระของน้ำหนักภายในกระเป๋าสะพายของเหล่านักเรียนได้เช่นเดียวกันค่ะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก BrandThink

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *