สสวท. พาทดลองใช้ระบบข้อสอบออนไลน์ PISA ล่าสุดเพิ่มโจทย์คณิตศาสตร์ 8 เรื่องฝึกทักษะ EZ WebmasterMay 9, 2024 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) นำเสนอข้อสอบ PISA ที่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่แล้วโดยเป็นลิขสิทธิ์ขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ประกอบด้วยโจทย์วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การอ่าน การแก้ปัญหาแบบร่วมมือ และ สมรรถนะการอยู่ในสังคมโลก ทดลองใช้งานได้ที่ระบบข้อสอบออนไลน์ PISA เว็บไซต์ https://pisaitems.ipst.ac.th ล่าสุดยังได้เพิ่มโจทย์คณิตศาสตร์จากการสอบ PISA 2022 จำนวน 8 เรื่อง ได้แก่ การซื้อรถยนต์ ยอดขายดีวีดี รถขนย้าย ระบบสุริยะ… มจธ. ชวนน้องๆ ร่วมกิจกรรม Project Day 2024 EZ WebmasterMay 8, 2024 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ขอเชิญชวนน้องๆ มัธยมศึกษาตอนปลายร่วมงาน Project Day 2024 ณ อาคารการเรียนรู้พหุวิทยาการ (LX) มจธ. ในวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น. กิจกรรมภายในจะเป็นการนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นโปรเจกต์วิศวกรรมของพี่ๆ นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากทุกภาควิชา รวมถึงแสดงผลงาน mini project ของนักศึกษาชั้นปีอื่นๆ… ม.มหาสารคาม อันดับ 1 ของภาคอีสานและของประเทศ ที่มีนักเรียนยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษา รอบที่ 2 Quota ปี 67 มากที่สุด EZ WebmasterMay 8, 2024 รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดให้ผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา ได้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รอบที่ 2 Quota ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปีการศึกษา 2567 ปรากฏว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้รับความนิยมสูงสุด… โรงเรียนบุญวัฒนา ไฟเขียวอนุญาต LGBTQ+ไว้ผมตามเพศสภาพ EZ WebmasterMay 8, 2024 ผอ.โรงเรียนบุญวัฒนา เปิดเบื้องหลัง ให้นักเรียน LGBTQ+ ไว้ทรงผมตามเพศวิถี ยึดหลักความเสมอภาค หวังเด็กมีความสุขกับการเรียน จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก สภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา โพสต์ภาพระเบียบการแต่งกายนักเรียนประจำปีการศึกษา 2567 ไม่ว่าจะเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ช-ญ, มัธยมศึกษาตอนปลาย ช-ญ, นักศึกษาวิชาทหาร ช-ญ, LGBTQ+… นักศึกษา คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” tui sakrapeeMay 8, 2024 กระแสตอนนี้คงหนีไม่พ้นลาบูบู้ ตุ๊กตามอนสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ ลูกเด็กเล็กแดง ต่างอยากได้มาครอบมาครอง ทำให้ตอนนี้ราคาสูงปี๊ด ด้วยเสน่ห์และความน่ารักของลาบูบู้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วิจิตร สนหอม หัวหน้าสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ อาจารย์ประจำหลักสูตรนวัตกรรมศิลปประดิษฐ์สร้างสรรค์ และนักศึกษาสาขานวัตกรรมศิลปประดิษฐ์สร้างสรรค์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้”… มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 EZ WebmasterMay 8, 2024 Times Higher Education ได้ประกาศผล THE Asia University Rankings 2024 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้รับการจัดอันดับที่ 7… ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน EZ WebmasterMay 8, 2024 หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายใต้วิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” คือ การสร้างองค์ความรู้ และการเป็น “สะพานเชื่อมต่อ” ระหว่างความเป็นสากลกับท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า “The University of Glocalization” เน้นการสร้างนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่เพื่อเป้าหมายการพัฒนา สร้างสรรค์ ผสมผสานความรู้ที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ชุมชนท้องถิ่น อันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและการจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน รองศาสตราจารย์… ทุนดีดี ขยายเวลารับทุนเรียนต่อป.โท ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว สหพันธรัฐรัสเซีย tui sakrapeeApril 24, 2024 ประกาศขยายเวลารับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว (Skolkovo Institute of Science and Technology: Skoltech) สหพันธรัฐรัสเซีย ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024) หลักสูตรภาษาอังกฤษ ตามที่มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ… ม.เทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ ให้ทุนคนไทยไปศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี tui sakrapeeApril 22, 2024 ประกาศ รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบ แห่งสิงคโปร์ (Singapore University of Technology and Design : SUTD) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024)… รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดมอบทุนเต็มจำนวน ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย tui sakrapeeApril 20, 2024 กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น (MEXT) ประกาศมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน (ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ) แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ URL ด้านล่างนี้ ประเภททุนนักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) URL :… ทุน NUS-MoPH Scholarship เรียนระดับป.โท และป.เอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร tui sakrapeeApril 19, 2024 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ประชาสัมพันธ์ โครงการทุน NUS-MoPH Scholarship ปีที่ 2 ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลักสูตร โครงการทุน NUS-MoPH… ครู-อาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’ EZ WebmasterMay 8, 2024 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น… “สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์… กิจกรรม ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
มจธ. ชวนน้องๆ ร่วมกิจกรรม Project Day 2024 EZ WebmasterMay 8, 2024 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ขอเชิญชวนน้องๆ มัธยมศึกษาตอนปลายร่วมงาน Project Day 2024 ณ อาคารการเรียนรู้พหุวิทยาการ (LX) มจธ. ในวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น. กิจกรรมภายในจะเป็นการนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นโปรเจกต์วิศวกรรมของพี่ๆ นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากทุกภาควิชา รวมถึงแสดงผลงาน mini project ของนักศึกษาชั้นปีอื่นๆ… ม.มหาสารคาม อันดับ 1 ของภาคอีสานและของประเทศ ที่มีนักเรียนยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษา รอบที่ 2 Quota ปี 67 มากที่สุด EZ WebmasterMay 8, 2024 รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดให้ผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา ได้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รอบที่ 2 Quota ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปีการศึกษา 2567 ปรากฏว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้รับความนิยมสูงสุด… โรงเรียนบุญวัฒนา ไฟเขียวอนุญาต LGBTQ+ไว้ผมตามเพศสภาพ EZ WebmasterMay 8, 2024 ผอ.โรงเรียนบุญวัฒนา เปิดเบื้องหลัง ให้นักเรียน LGBTQ+ ไว้ทรงผมตามเพศวิถี ยึดหลักความเสมอภาค หวังเด็กมีความสุขกับการเรียน จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก สภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา โพสต์ภาพระเบียบการแต่งกายนักเรียนประจำปีการศึกษา 2567 ไม่ว่าจะเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ช-ญ, มัธยมศึกษาตอนปลาย ช-ญ, นักศึกษาวิชาทหาร ช-ญ, LGBTQ+… นักศึกษา คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” tui sakrapeeMay 8, 2024 กระแสตอนนี้คงหนีไม่พ้นลาบูบู้ ตุ๊กตามอนสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ ลูกเด็กเล็กแดง ต่างอยากได้มาครอบมาครอง ทำให้ตอนนี้ราคาสูงปี๊ด ด้วยเสน่ห์และความน่ารักของลาบูบู้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วิจิตร สนหอม หัวหน้าสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ อาจารย์ประจำหลักสูตรนวัตกรรมศิลปประดิษฐ์สร้างสรรค์ และนักศึกษาสาขานวัตกรรมศิลปประดิษฐ์สร้างสรรค์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้”… มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 EZ WebmasterMay 8, 2024 Times Higher Education ได้ประกาศผล THE Asia University Rankings 2024 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้รับการจัดอันดับที่ 7… ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน EZ WebmasterMay 8, 2024 หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายใต้วิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” คือ การสร้างองค์ความรู้ และการเป็น “สะพานเชื่อมต่อ” ระหว่างความเป็นสากลกับท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า “The University of Glocalization” เน้นการสร้างนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่เพื่อเป้าหมายการพัฒนา สร้างสรรค์ ผสมผสานความรู้ที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ชุมชนท้องถิ่น อันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและการจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน รองศาสตราจารย์… ทุนดีดี ขยายเวลารับทุนเรียนต่อป.โท ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว สหพันธรัฐรัสเซีย tui sakrapeeApril 24, 2024 ประกาศขยายเวลารับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว (Skolkovo Institute of Science and Technology: Skoltech) สหพันธรัฐรัสเซีย ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024) หลักสูตรภาษาอังกฤษ ตามที่มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ… ม.เทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ ให้ทุนคนไทยไปศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี tui sakrapeeApril 22, 2024 ประกาศ รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบ แห่งสิงคโปร์ (Singapore University of Technology and Design : SUTD) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024)… รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดมอบทุนเต็มจำนวน ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย tui sakrapeeApril 20, 2024 กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น (MEXT) ประกาศมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน (ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ) แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ URL ด้านล่างนี้ ประเภททุนนักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) URL :… ทุน NUS-MoPH Scholarship เรียนระดับป.โท และป.เอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร tui sakrapeeApril 19, 2024 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ประชาสัมพันธ์ โครงการทุน NUS-MoPH Scholarship ปีที่ 2 ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลักสูตร โครงการทุน NUS-MoPH… ครู-อาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’ EZ WebmasterMay 8, 2024 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น… “สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์… กิจกรรม ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
ม.มหาสารคาม อันดับ 1 ของภาคอีสานและของประเทศ ที่มีนักเรียนยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษา รอบที่ 2 Quota ปี 67 มากที่สุด EZ WebmasterMay 8, 2024 รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดให้ผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา ได้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รอบที่ 2 Quota ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปีการศึกษา 2567 ปรากฏว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้รับความนิยมสูงสุด… โรงเรียนบุญวัฒนา ไฟเขียวอนุญาต LGBTQ+ไว้ผมตามเพศสภาพ EZ WebmasterMay 8, 2024 ผอ.โรงเรียนบุญวัฒนา เปิดเบื้องหลัง ให้นักเรียน LGBTQ+ ไว้ทรงผมตามเพศวิถี ยึดหลักความเสมอภาค หวังเด็กมีความสุขกับการเรียน จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก สภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา โพสต์ภาพระเบียบการแต่งกายนักเรียนประจำปีการศึกษา 2567 ไม่ว่าจะเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ช-ญ, มัธยมศึกษาตอนปลาย ช-ญ, นักศึกษาวิชาทหาร ช-ญ, LGBTQ+…
โรงเรียนบุญวัฒนา ไฟเขียวอนุญาต LGBTQ+ไว้ผมตามเพศสภาพ EZ WebmasterMay 8, 2024 ผอ.โรงเรียนบุญวัฒนา เปิดเบื้องหลัง ให้นักเรียน LGBTQ+ ไว้ทรงผมตามเพศวิถี ยึดหลักความเสมอภาค หวังเด็กมีความสุขกับการเรียน จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก สภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา โพสต์ภาพระเบียบการแต่งกายนักเรียนประจำปีการศึกษา 2567 ไม่ว่าจะเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ช-ญ, มัธยมศึกษาตอนปลาย ช-ญ, นักศึกษาวิชาทหาร ช-ญ, LGBTQ+…
คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” tui sakrapeeMay 8, 2024 กระแสตอนนี้คงหนีไม่พ้นลาบูบู้ ตุ๊กตามอนสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ ลูกเด็กเล็กแดง ต่างอยากได้มาครอบมาครอง ทำให้ตอนนี้ราคาสูงปี๊ด ด้วยเสน่ห์และความน่ารักของลาบูบู้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วิจิตร สนหอม หัวหน้าสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ อาจารย์ประจำหลักสูตรนวัตกรรมศิลปประดิษฐ์สร้างสรรค์ และนักศึกษาสาขานวัตกรรมศิลปประดิษฐ์สร้างสรรค์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้”… มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 EZ WebmasterMay 8, 2024 Times Higher Education ได้ประกาศผล THE Asia University Rankings 2024 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้รับการจัดอันดับที่ 7… ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน EZ WebmasterMay 8, 2024 หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายใต้วิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” คือ การสร้างองค์ความรู้ และการเป็น “สะพานเชื่อมต่อ” ระหว่างความเป็นสากลกับท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า “The University of Glocalization” เน้นการสร้างนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่เพื่อเป้าหมายการพัฒนา สร้างสรรค์ ผสมผสานความรู้ที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ชุมชนท้องถิ่น อันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและการจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน รองศาสตราจารย์… ทุนดีดี ขยายเวลารับทุนเรียนต่อป.โท ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว สหพันธรัฐรัสเซีย tui sakrapeeApril 24, 2024 ประกาศขยายเวลารับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว (Skolkovo Institute of Science and Technology: Skoltech) สหพันธรัฐรัสเซีย ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024) หลักสูตรภาษาอังกฤษ ตามที่มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ… ม.เทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ ให้ทุนคนไทยไปศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี tui sakrapeeApril 22, 2024 ประกาศ รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบ แห่งสิงคโปร์ (Singapore University of Technology and Design : SUTD) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024)… รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดมอบทุนเต็มจำนวน ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย tui sakrapeeApril 20, 2024 กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น (MEXT) ประกาศมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน (ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ) แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ URL ด้านล่างนี้ ประเภททุนนักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) URL :… ทุน NUS-MoPH Scholarship เรียนระดับป.โท และป.เอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร tui sakrapeeApril 19, 2024 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ประชาสัมพันธ์ โครงการทุน NUS-MoPH Scholarship ปีที่ 2 ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลักสูตร โครงการทุน NUS-MoPH… ครู-อาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’ EZ WebmasterMay 8, 2024 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น… “สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์… กิจกรรม ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” tui sakrapeeMay 8, 2024 กระแสตอนนี้คงหนีไม่พ้นลาบูบู้ ตุ๊กตามอนสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ ลูกเด็กเล็กแดง ต่างอยากได้มาครอบมาครอง ทำให้ตอนนี้ราคาสูงปี๊ด ด้วยเสน่ห์และความน่ารักของลาบูบู้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วิจิตร สนหอม หัวหน้าสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ อาจารย์ประจำหลักสูตรนวัตกรรมศิลปประดิษฐ์สร้างสรรค์ และนักศึกษาสาขานวัตกรรมศิลปประดิษฐ์สร้างสรรค์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้”… มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 EZ WebmasterMay 8, 2024 Times Higher Education ได้ประกาศผล THE Asia University Rankings 2024 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้รับการจัดอันดับที่ 7… ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน EZ WebmasterMay 8, 2024 หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายใต้วิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” คือ การสร้างองค์ความรู้ และการเป็น “สะพานเชื่อมต่อ” ระหว่างความเป็นสากลกับท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า “The University of Glocalization” เน้นการสร้างนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่เพื่อเป้าหมายการพัฒนา สร้างสรรค์ ผสมผสานความรู้ที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ชุมชนท้องถิ่น อันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและการจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน รองศาสตราจารย์… ทุนดีดี ขยายเวลารับทุนเรียนต่อป.โท ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว สหพันธรัฐรัสเซีย tui sakrapeeApril 24, 2024 ประกาศขยายเวลารับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว (Skolkovo Institute of Science and Technology: Skoltech) สหพันธรัฐรัสเซีย ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024) หลักสูตรภาษาอังกฤษ ตามที่มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ… ม.เทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ ให้ทุนคนไทยไปศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี tui sakrapeeApril 22, 2024 ประกาศ รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบ แห่งสิงคโปร์ (Singapore University of Technology and Design : SUTD) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024)… รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดมอบทุนเต็มจำนวน ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย tui sakrapeeApril 20, 2024 กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น (MEXT) ประกาศมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน (ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ) แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ URL ด้านล่างนี้ ประเภททุนนักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) URL :… ทุน NUS-MoPH Scholarship เรียนระดับป.โท และป.เอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร tui sakrapeeApril 19, 2024 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ประชาสัมพันธ์ โครงการทุน NUS-MoPH Scholarship ปีที่ 2 ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลักสูตร โครงการทุน NUS-MoPH… ครู-อาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’ EZ WebmasterMay 8, 2024 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น… “สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์… กิจกรรม ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 EZ WebmasterMay 8, 2024 Times Higher Education ได้ประกาศผล THE Asia University Rankings 2024 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้รับการจัดอันดับที่ 7… ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน EZ WebmasterMay 8, 2024 หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายใต้วิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” คือ การสร้างองค์ความรู้ และการเป็น “สะพานเชื่อมต่อ” ระหว่างความเป็นสากลกับท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า “The University of Glocalization” เน้นการสร้างนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่เพื่อเป้าหมายการพัฒนา สร้างสรรค์ ผสมผสานความรู้ที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ชุมชนท้องถิ่น อันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและการจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน รองศาสตราจารย์…
ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน EZ WebmasterMay 8, 2024 หนึ่งในบทบาทที่สำคัญของมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายใต้วิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม” คือ การสร้างองค์ความรู้ และการเป็น “สะพานเชื่อมต่อ” ระหว่างความเป็นสากลกับท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า “The University of Glocalization” เน้นการสร้างนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่เพื่อเป้าหมายการพัฒนา สร้างสรรค์ ผสมผสานความรู้ที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ชุมชนท้องถิ่น อันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและการจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน รองศาสตราจารย์…
ขยายเวลารับทุนเรียนต่อป.โท ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว สหพันธรัฐรัสเซีย tui sakrapeeApril 24, 2024 ประกาศขยายเวลารับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว (Skolkovo Institute of Science and Technology: Skoltech) สหพันธรัฐรัสเซีย ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024) หลักสูตรภาษาอังกฤษ ตามที่มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ… ม.เทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ ให้ทุนคนไทยไปศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี tui sakrapeeApril 22, 2024 ประกาศ รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบ แห่งสิงคโปร์ (Singapore University of Technology and Design : SUTD) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024)… รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดมอบทุนเต็มจำนวน ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย tui sakrapeeApril 20, 2024 กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น (MEXT) ประกาศมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน (ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ) แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ URL ด้านล่างนี้ ประเภททุนนักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) URL :… ทุน NUS-MoPH Scholarship เรียนระดับป.โท และป.เอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร tui sakrapeeApril 19, 2024 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ประชาสัมพันธ์ โครงการทุน NUS-MoPH Scholarship ปีที่ 2 ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลักสูตร โครงการทุน NUS-MoPH… ครู-อาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’ EZ WebmasterMay 8, 2024 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น… “สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์… กิจกรรม ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
ม.เทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ ให้ทุนคนไทยไปศึกษาระดับปริญญาเอก ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี tui sakrapeeApril 22, 2024 ประกาศ รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนการศึกษาไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบ แห่งสิงคโปร์ (Singapore University of Technology and Design : SUTD) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024)… รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดมอบทุนเต็มจำนวน ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย tui sakrapeeApril 20, 2024 กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น (MEXT) ประกาศมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน (ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ) แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ URL ด้านล่างนี้ ประเภททุนนักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) URL :… ทุน NUS-MoPH Scholarship เรียนระดับป.โท และป.เอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร tui sakrapeeApril 19, 2024 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ประชาสัมพันธ์ โครงการทุน NUS-MoPH Scholarship ปีที่ 2 ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลักสูตร โครงการทุน NUS-MoPH… ครู-อาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’ EZ WebmasterMay 8, 2024 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น… “สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์… กิจกรรม ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดมอบทุนเต็มจำนวน ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย tui sakrapeeApril 20, 2024 กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น (MEXT) ประกาศมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน (ค่าเรียน ค่าครองชีพ และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ) แก่ชาวไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ URL ด้านล่างนี้ ประเภททุนนักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) URL :… ทุน NUS-MoPH Scholarship เรียนระดับป.โท และป.เอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร tui sakrapeeApril 19, 2024 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ประชาสัมพันธ์ โครงการทุน NUS-MoPH Scholarship ปีที่ 2 ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลักสูตร โครงการทุน NUS-MoPH…
ทุน NUS-MoPH Scholarship เรียนระดับป.โท และป.เอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร tui sakrapeeApril 19, 2024 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669 ประชาสัมพันธ์ โครงการทุน NUS-MoPH Scholarship ปีที่ 2 ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านสาธารณสุข ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ฟรีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดหลักสูตร โครงการทุน NUS-MoPH…
คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) EZ WebmasterMay 9, 2024 คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’ EZ WebmasterMay 8, 2024 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น… “สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์… กิจกรรม ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’ EZ WebmasterMay 8, 2024 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น… “สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์… กิจกรรม ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
“สกสว. – สวทช” ปั้นกลุ่ม “ผู้จัดการงานวิจัยและนวัตกรรม” จาก 45 หน่วยงาน ผลักดันสู่บทบาทผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและงาน ววน. ของประเทศ EZ WebmasterMay 2, 2024 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้จัดการงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือ RDI Manager เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงาน ให้สามารถเชื่อมโยงยกระดับการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมได้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ความร่วมมือในการขยายผลการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการส่วนร่วมออกแบบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรฐานวิชาชีพของ RDI Managers และกิจกรรมศึกษาดูงาน “แนวทางการบริหารงานวิจัยเชิงพื้นที่” บทบาทของกลไกชุมชนและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเชิงระบบ… น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์…
น้ำมันเชื้อเพลิงจากยีสต์! ผลงานวิจัยคณะวิทย์ฯ จุฬาฯ จ่อขยายการผลิตเพื่ออุตสาหกรรมอากาศยาน EZ WebmasterApril 30, 2024 นักวิจัย จุฬาฯ ใช้หญ้าอาหารสัตว์ เลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อนำไขมันที่ได้มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ตั้งเป้าขยายการผลิตทดแทนน้ำมันจากปิโตรเลียม ลดผลกระทบทางสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อาทิ ขนมปัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในอนาคต ยีสต์จะเป็นกำลังสำคัญในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนพลังงานที่มาจากฟอสซิล ปัจจุบัน นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขยายขนาดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยานจากยีสต์ ซึ่งเป็นการต่อยอดผลสำเร็จจากการวิจัยพบยีสต์สายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตไขมันเพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน โดยในกระบวนการผลิตน้ำมันจากยีสต์นั้น ยังได้ใช้ของเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรมาเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ นับเป็นการลดปัญหาจากเผาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือทิ้งภาคการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย ที่มางานวิจัยผลิตน้ำมันจากยีสต์…
ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน EZ WebmasterMay 3, 2024 ศธ. เปิดลงทะเบียนล้างแอร์ “อาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี!” พร้อมแนะนำวิธีการดูแลแอร์ ลดภาระในครัวเรือนให้ประชาชน เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนใช้บริการล้างแอร์ ในกิจกรรมอาชีวะคลายร้อนทั่วไทย ร่วมใจล้างแอร์ ฟรี! ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ทาง www.vec.go.th… ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย” EZ Webmaster Related Posts คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) คหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี สร้างสรรค์ “ดอกไม้ไทยสไตล์ลาบูบู้” มมส ติดอันดับ 7 ร่วมของไทย 601+ ในเอเชีย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024 ม.ทักษิณ ประกาศเจตนารมณ์ครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ร่วมสร้างสังคม สู่ความยั่งยืน DPU เดินหน้าปลูกแนวคิด “Carbon Hero” ปั้นบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจเน้นปฏิบัติงานได้จริงผ่าน “DPU Hackathon” Post navigation PREVIOUS Previous post: เกมกระดาน Lean chicken เมื่อร้านข้าวมันไก่ตามหานักคิดพิชิตวิกฤต เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์พบเจอสื่อการเรียนรู้NEXT Next post: ฟรี E-Book รายงานการวิจัย “การติดตามและประเมินผลระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน” Leave a Reply Cancel replyYour email address will not be published. Required fields are marked * Name* Email* Website Comment* Δ
ก.กก บึงกาฬ ห้องเรียนข้ามขอบของคนบึงกาฬ EZ WebmasterApril 26, 2024 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอเสื่อบ้านโพธ์ทอง ตำบลโนนสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬ หรือ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของคนในชุมชน และพร้อมเป็น Change Agent สร้างคน สร้างงาน ให้คนในชุมชนและขยายไปสู่วงกว้าง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแกนนำหลักอย่าง นางรัศมี อืดผา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ที่ลุกขึ้นมาชวนคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงความคิด มองเห็นคุณค่าทรัพยากรดี ๆ ในชุมชนอย่าง “กกและผือ” มาต่อยอดจนเกิดเป็นคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถสร้างทั้งรายได้ สานทั้งใจ ทั้งความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และคนในชุมชนไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ช่วยหนุนเสริมวิธีคิดและเครื่องมือการทำงาน วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ได้เดินทางมาถึงการเป็น “ชุมชนตัวแบบ” ที่สามารถออกแบบการเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิต และตรงใจคนในชุมชนเท่านั้น พวกเขายังร่วมกันสร้างคนให้กลายเป็นทั้งปราชญ์ แกนนำชุมชน และที่สำคัญคือ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตกกและผือตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การย้อม การสาน และการแปรรูป ให้กับคนในและนอกชุมชนทุกช่วงวัย รวมถึงเกิดการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ก.กก บึงกาฬ ขึ้นในตำบลโนนสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดเวที “สานพลังพื้นที่…ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สู่ความเสมอภาคทางการศึกษา” เพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานระหว่างกัน ทั้งนี้ภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กสศ. และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เห็น “โมเดลต้นแบบ” การทำงานกับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยนัยยะสำคัญของเวทีนี้คือ “การพัฒนาคนแม้เพียง 1 คน หากเขาได้รับการพัฒนาที่ดีเขาจะกลายเป็นตัวคูณสำคัญให้พื้นที่สามารถขับเคลื่อนงานต่อไปได้ด้วยตนเอง” เฉกเช่นกับกลุ่ม ก.กก บึงกาฬ ที่แม้วันนี้จะไม่รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กสศ. แล้ว แต่รากฐานที่ กสศ. และคณะทำงานในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างอย่าง “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น” ไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ได้ก่อให้เกิดความงอกงามที่ปลายน้ำ ด้วยการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง และเนื่องจากต้องการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นางรัศมีจึงได้มองหาโอกาสในการสร้างคนและพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมูลนิธิเอสซีจี และ กสศ. ร่วมมือกันจัดทำโครงการพัฒนาตัวแบบกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพที่เชื่อมโยงกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ จึงสนใจเข้าร่วมเพราะต้องการขยายผลแนวคิดการทำงานจากฐานทุนความรู้ของชุมชนไปสู่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาส มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น และผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้วันนี้ กลุ่ม ก.กก บึงกาฬ มีการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ นางรัศมี กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุน “ก.กกบึงกาฬ สานสัมพันธ์ชุมชน” ของที่นี่จะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ โดยเธอได้ชวนทั้งตำบลมาถอดบทเรียนการทำงานกองทุนร่วมกัน เพื่อหาจุดเด่นและข้อควรแก้ไขมาพัฒนาให้กองทุนนี้มีความแตกต่างโดยเน้นไปที่การสร้างเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบอาชีพทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนสนใจโดยใช้ต้นแบบของ ก.กก บึงกาฬ เป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และที่สำคัญต้องเกิดการส่งต่อและสืบทอดภูมิปัญญา โดยระหว่างการกู้ยืมทุนไปประกอบอาชีพก็จะมีทีมงานคอยช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้กู้ให้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามที่นายประเวช เหล่าประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กล่าวไว้ คือการทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สมบูรณ์ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีคุณธรรม เป็นคนดี มีวินัย… ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา… Search for: Search
ฯพณฯนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni Networking-สายสัมพันธ์ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ในประเทศไทย” ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ EZ WebmasterApril 24, 2024 ในโอกาสที่ฯพณฯ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน (The Right Honourable Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเป็นประธานมอบรางวัลงาน “New Zealand Alumni… สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา…
สวนสุนันทา พัฒนา Soft Skills ผู้บริหาร-คณาจารย์ ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม tui sakrapeeApril 9, 2024 สวนสุนันทา อบรมพัฒนาทักษะ Soft Skills ผู้บริหาร-อาจารย์ ต้นแบบพัฒนานักศึกษาศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์สังคมโลก ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม วันที่ 4 – 5 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดย กองพัฒนานักศึกษา…
EZ Webmaster December 28, 2023 EZ Webmaster December 28, 2023 เปิดเส้นทาง“เฮ็ดดิ คราฟท์” สร้างอาชีพคนพิการด้วยทุนพื้นถิ่น ภายใต้หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น มจธ. “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการจากตำบลเต่างอย จังหวัดสกลนคร พร้อมยกระดับสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภายใต้ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ที่มาของหลักสูตรนี้ มาจากคณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน (โดยใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ในการขับเคลื่อน) โดยหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามหลักสูตรที่จัดขึ้นภายใต้โครงการฯ ในรุ่นที่ 8 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากข้อมูลการวิจัยพบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป ฯลฯ รวมถึงสถานประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในเมือง คนพิการที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองไม่สามารถเดินทางหรือย้ายถิ่นฐานไปทำงานได้ “จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นโดยฝีมือคนพิการขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล จ.สกลนคร ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ มจธ. และถือเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่มีทักษะการทำงานหัตถกรรมอยู่แล้ว และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ได้รวมกลุ่มกันฝึกฝนและทำงานที่บ้านได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้” สำหรับการดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม ซึ่งคนพิการที่เรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มคนพิการรุ่นที่ 3 ของหลักสูตร ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ที่ได้นำความรู้มาแบ่งปันและถ่ายทอดให้กับคนพิการในหลักสูตร ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ แตกต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมา ยกระดับจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และตรงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ กล่าวว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งการดำเนินงานของหลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น อาทิ เห็ดนำโชค ไม้เท้า สายรุ้ง หรือเต่า เป็นของประดับตกแต่ง ที่สำคัญเริ่มให้ความรู้การเป็นผู้ประกอบการ จึงเน้นสอนเรื่องของการตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นผู้ประกอบการ บางคนชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบทำงานกลุ่ม หรือบางคนอยากเป็นแค่ผู้ผลิต ซึ่งก็สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประกอบอาชีพเองที่บ้านได้ ซึ่งเขาสามารถเลือกได้ ในส่วนปีที่ 3 นี้ นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่แล้ว ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มที่สำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อมมีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ จากการพัฒนาต่อยอดใน 2 รุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มได้รวมตัวกันเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ หรือ Local Enterprise ด้วยทุนของสมาชิกเองทั้งหมด เพื่อบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติหรือแม้แต่ผ้าย้อมคราม ภายใต้แบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์” สำหรับผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการตำบลเต่างอย ล่าสุด ที่ได้ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้ ซึ่งผงสีจากพืชธรรมชาติที่ผลิตได้ ประกอบด้วย คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม “ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ ดังนั้น รูปแบบการสอนของเราจะใช้วิธีการถ่ายทอดความรู้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการมากนัก มีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาเพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เช่น เราบอกกับคนพิการว่าการทำผงสี เปรียบเสมือนกับการทำกับข้าว น้ำที่ย้อมเหมือนการต้มน้ำแกง ใส่เกลือ ใส่สารส้ม เคี่ยวเสร็จแล้วนำมากรอง เอากากออก น้ำที่ได้เทใส่กะละมัง จากนั้นโรยดินสอพองลงไป และตีจนขึ้นฟู พอฟองฟูเต็มที่แสดงว่าสีจับกับดินสอพองเรียบร้อย ก็ถือว่าเสร็จ ตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนปล่อยให้ตกตะกอน เช้าขึ้นมาก็เทน้ำข้างบนออก ตักเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอน นำไปตากแดด จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด ซึ่งกระบวนการทำผงสีนี้ เรายังได้ถอดบทเรียนออกมาเป็นองค์ความรู้ มีด้วยกัน 7 ขั้นตอน เพื่อใช้ถ่ายทอดให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshop กับกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิ ในครั้งนี้ด้วย” ผศ.วรนุช กล่าว ด้าน ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า “การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100% ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย” สำหรับก้าวต่อไปของเฮ็ดดิคราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ กล่าวว่า “คือการหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา ในปีหน้ามีโอกาสจะพาไปพบผู้ซื้อ ให้เขาได้รู้จักลูกค้าได้เรียนรู้ประสบการณ์มากขึ้น เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร พอเราได้ตลาดแล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ และเรื่องของมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ จากประสบการณ์การเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัย NAFA ที่หลังจากได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มเฮ็ดดิแล้วจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ที่พูดถึงกันจากการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน และได้ผลงานกลับไปจัดแสดง ซึ่งอาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นของกลุ่มคนพิการเฮ็ดดิอีกด้วย”