ยูเนสโกห่วงจำนวน น.ร.ไทยวัย 15 ปีที่มีทักษะขั้นตํ่าด้าน”การอ่าน-คณิต”ลดลง

องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ชี้ว่า ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนที่อยู่นอกระบบการศึกษาทั่วโลกจํานวน 272 ล้านคน ซึ่งในจํานวนนี้มี 18 ล้านคนอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยข้อมูลดังกล่าวได้รับการบรรจุไว้ในผลสรุุปรายงานการติดตามผลการศึกษาทั่วโลก (Global Education Monitoring Report – GEM Report) ของยูเนสโก ประจําปี พ.ศ.2567/2568 ฉบับภาษาไทย ว่าด้วยการเป็นผู้นําทางการศึกษานําสู่การเรียนรู้ ซึ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา


รายงานฉบับนี้กล่าวถึงความท้าทายของภาคการศึกษา รวมถึงการขาดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้น้อย และความจําเป็นในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น การนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลง

ในงานเปิดตัวรายงาน ซึ่งจัดโดยสํานักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ และสํานักงานเพื่อการประสานงานสหประชาชาติในเอเชียและแปซิฟิก (ยูเนสโก กรุงเทพฯ) ร่วมกับคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติประจําประเทศไทย และสํานักเลขาธิการซีมีโอ ผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมกันอภิปรายถึงความจําเป็นของภาวะผู้นําทางการศึกษาที่เข้มแข็งในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้และปิดช่องว่างให้กับผู้เรียนที่ยังคงถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มีการลงทุนในภาวะผู้นําด้านการศึกษาทั้งในระดับโรงเรียนและระดับระบบ เพื่อฟื้นฟูการดําเนินงานให้คืบหน้าไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 4 (Sustainable Development Goal 4– SDG 4) ว่าด้วยการศึกษาที่มีคุณภาพ

“รายงานฉบับภาษาไทยนี้ได้รับการจัดทําในช่วงเวลาสําคัญ” นางมารีนา ปาทรีเย รองผู้อํานวยการและหัวหน้าฝ่ายการศึกษาของยูเนสโก กรุงเทพฯ กล่าว “จากการผลักดันนโยบาย Zero Dropout (มาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป์นศูนย์) ไปจนถึงการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในโรงเรียน โดยประเทศไทยกําลังดําเนินการปฏิรูปการศึกษาอย่างมุ่งมั่น ทั้งนี้ รายงานฉบับนี้ได้นําเสนอแนวทางที่ทันต่อสถานการณ์ว่า ภาวะผู้นําที่เข้มแข็งและคํานึงถึงทุกคนจะช่วยผลักดันให้ความพยายามเหล่านี้นําไปสู่ความก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง โดยตั้งอยู่บนหลักของความเสมอภาค หลักฐาน และความสําคัญระดับชาติ”

รายงานประจําปี พ.ศ.2567/2568 ยังคาดการณ์ว่า ความช่วยเหลือด้านการศึกษาทั่วโลกจะลดลงมากกว่าร้อยละ 25 ภายในปี พ.ศ.2570 เนื่องจากการลดลงของความช่วยเหลือโดยรวมและการที่การศึกษาได้รับความสําคัญน้อยลง ขณะเดียวกัน รัฐบาลหลายประเทศยังลดสัดส่วนงบประมาณด้านการศึกษาในประเทศลงอีกด้วย การขาดแคลนงบประมาณกําลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ในประเทศไทย นักเรียนอายุ 15 ปีที่มีทักษะพื้นฐานขั้นตํ่าด้านการอ่านมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 50 ในปี พ.ศ.2558 เหลือร้อยละ 35 ในปี พ.ศ.2565 ขณะที่ผลด้านคณิตศาสตร์ลดลงจากร้อยละ 46 เหลือเพียงร้อยละ 32 ในช่วงเวลาเดียวกัน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยูเนสโกและกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ร่วมมือ

กันผ่านโครงการ Learning Coin (โครงการเปลี่ยนการอ่านเป็นทุนการศึกษา) เพื่อสนับสนุนเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสในการสร้างพฤติกรรมรักการอ่านตลอดชีวิตโดยอาศัยการเรียนรู้ผ่านสื่อพกพา เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาได้รับประโยชน์จากโครงการนี้แล้วกว่า 1,000 คน การเดินหน้าเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษายังคงเป็นเส้นทางสําคัญเพื่อพัฒนาให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น

การเผยแพร่ผลสรุุปรายงานการติดตามผลการศึกษาทั่วโลกประจําปี พ.ศ.2567 (GEM Report 2023) ฉบับภาษาไทย ว่าด้วยเทคโนโลยีกับการศึกษา ภายในงานเดียวกัน ยังมีการเปิดตัวผลสรุปรายงานการติดตามผลการศึกษาทั่วโลกประจําปี พ.ศ.2567 ฉบับภาษาไทยในหัวข้อ “เทคโนโลยีกับการศึกษา: เครื่องมือโดยเงื่อนไขของใคร?” ซึ่งศึกษาว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ส่งเสริมความเสมอภาค และขยายโอกาสทางการศึกษาได้อย่างไร พร้อมทั้งเตือนว่า หากไม่มีการออกแบบที่คิดมารอบด้าน การกํากับดูแล และภาวะผู้นําที่เหมาะสม เทคโนโลยีใหม่ๆ อาจยิ่งเพิ่มช่องว่างทางดิจิทัล และเบี่ยงเบนทรัพยากรจากเรื่องสําคัญพื้นฐานในระบบการศึกษา แม้กระทั่งในประเทศรายได้ปานกลางระดับบนอย่างประเทศไทย ต้นทุนในการเชื่อมต่อโรงเรียนทั้งหมดกับอินเทอร์เน็ตก็สูงถึงประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยยังไม่รวมต้นทุนการติดตั้ง

รายงานยังชี้ว่า เมื่อปี พ.ศ.2564 มีเพียงร้อยละ 43 ของโรงเรียนระดับประถมศึกษาในประเทศไทยที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนการสอน และมีเพียงร้อยละ 27 ที่มีสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลอย่างเพียงพอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจําเป็นในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านความพร้อมของครูก็ยังเป็นอีกความท้าทายและมีความแตกต่างหลากหลายมากในภูมิภาค ประเทศไทยได้มีความก้าวหน้าอย่างมากในการนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลงในการศึกษา โดยมุ่งเน้นยิ่งในการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมความเสมอภาค ด้วยการสนับสนุนจากหัวเว่ยและยูเนสโก ประเทศไทยได้เปิดตัวโครงการโรงเรียนแบบเปิดที่อาศัยเทคโนโลยีเพื่อทุกคน (Technology-enabled Open Schools for All initiative) เพื่อส่งเสริมทักษะทางดิจิทัลและสมรรถนะด้านเอไอให้กับครูและนักเรียน

ยูเนสโกยังให้การสนับสนุนศูนย์การเรียนรูสําหรับนักเรียนข้ามชาติ 63 แห่งในจังหวัดตาก เพื่อช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงการเรียนรู้ผ่านระบบดิจิทัลสําหรับผู้เรียนที่เปราะบางที่สุด

นายมานอส แอนโทนินิส ผู้อํานวยการ GEM Report ของยูเนสโก กล่าวว่า “หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กําลังเผชิญความท้าทายสองด้านพร้อมกัน ทั้งการขยายโอกาสทางดิจิทัลและการแก้ไขความเหลื่อมลํ้าเชิงระบบ ด้วยทรัพยากรที่มีจํากัดมากขึ้น การจัดลําดับความสําคัญด้านการใช้จ่ายยิ่งเป็นสิ่งจําเป็น ภาวะผู้นําที่เข้มแข็งคือกุญแจสําคัญในการผลักดันให้ระบบการศึกษามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่จะรับประกันได้ว่า เราจะมีการศึกษาที่มีคุณภาพและครอบคลุมสําหรับทุกคน ไม่ถูกเบี่ยงเบนด้วยเครื่องมือใหม่เพียงเพราะความแปลกใหม่”

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *