กรุงเทพโพลล์เผย คนไทย ‘ตั้งใจเป็นเจ้าของธุรกิจ’ พุ่งแตะ 63.3% – เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปี เหตุ ‘มั่นใจมากขึ้น-ใช้ AI ช่วยวางแผนธุรกิจ

ผลสำรวจเรื่อง “คนไทยคิดอย่างไรกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจประจำไตรมาส 3 ของปี 2568”

กรุงเทพโพลล์ร่วมกับคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นประชาชนเรื่องคนไทยคิดอย่างไรกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจประจำไตรมาส 3 ของปี 2568”โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,129 คน พบว่า

การสำรวจความเห็นเกี่ยวกับจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ (เจ้าของธุรกิจ) ประจำไตรมาส 3  ของปี 2568 โดยได้ทำการเปรียบเทียบกับการสำรวจครั้งที่ผ่านมา (ช่วงเดือน ก.ค. 2568) ในประเด็นต่างๆ พบว่า มีความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจ ในอนาคตข้างหน้ามากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 63.3 (โดยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.1) รองลงมาคือ เห็นโอกาสหรือความพร้อมสำหรับการริเริ่มธุรกิจในอนาคต คิดเป็นร้อยละ 60.7 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9) และมีความรู้ความสามารถรวมถึงทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นในการที่จะเริ่มทำธุรกิจใหม่ คิดเป็นร้อยละ 56.4 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5) ขณะที่เห็นว่าไม่อยากลงทุนทำธุรกิจเพราะกลัวความล้มเหลว คิดเป็นร้อยละ 65.7 (ลดลงร้อยละ 7.8)

ทั้งนี้สาเหตุที่ไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.1 ไม่มีเงินทุนมากพอ รองลงมาคือ คิดว่างานที่ทำอยู่มั่นคงแล้ว เลี้ยงตัวเองได้แล้ว  คิดเป็นร้อยละ 37.1  ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ คิดเป็นร้อยละ 35.7 ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำธุรกิจอะไรดี คิดเป็นร้อยละ 32.0 และกลัวล้มเหลว กลัวขาดทุน คิดเป็นร้อยละ 30.8

โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. ประเด็นคำถามเกี่ยวกับจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ (เจ้าของธุรกิจ)
คำถาม สำรวจ

(ต.ค.68)

สำรวจ

(ก.ค.68)

เพิ่มขึ้น/ลดลง
ร้อยละ  ร้อยละ ร้อยละ
ท่านมีความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจ ในอนาคตข้างหน้า 63.3 45.2 +18.1
ท่านเห็นโอกาสหรือความพร้อมสำหรับการริเริ่มธุรกิจในอนาคต 60.7 48.8 +11.9
ตัวท่านมีความรู้ความสามารถรวมถึงทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นในการที่จะเริ่มทำธุรกิจใหม่ 56.4 42.9 +13.5
รู้จักผู้ประกอบการหรือมีเครือข่ายที่สามารถสนับสนุนในการริเริ่มธุรกิจ 52.3 30.4 +21.9
คิดว่าการเริ่มต้นธุรกิจใหม่เป็นสิ่งที่ง่ายในสถานการณ์ขณะนี้ 42.0 17.3 +24.7
ไม่อยากลงทุนทำธุรกิจเพราะกลัวความล้มเหลว 65.7 73.5 -7.8
  1. สาเหตุที่ท่านไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจของตัวท่านเอง (เลือกตอบได้มากกว่า1 ข้อ)
ไม่มีเงินทุนมากพอ ร้อยละ 52.1
คิดว่างานที่ทำอยู่มั่นคงแล้ว เลี้ยงตัวเองได้แล้ว ร้อยละ 37.1
ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ ร้อยละ 35.7
ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำธุรกิจอะไรดี ร้อยละ 32.0
กลัวล้มเหลว กลัวขาดทุน ร้อยละ 30.8
ปัญหาเงินเฟ้อในปัจจุบัน  ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 29.2
หากไม่สำเร็จกลัวคนในครอบครัวจะเดือดร้อน แบกภาระหนี้ร่วมกัน ร้อยละ 21.0
นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ / เงินเดือนปริญญาตรี ร้อยละ 19.3
น้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ ราคาสูงขึ้น ร้อยละ 17.9
กลัวทำแล้วเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน เช่น โรคระบาด ภัยธรรมชาติ ร้อยละ 17.4
กลัวการเริ่มต้นว่าจะทำไม่ได้ ร้อยละ 14.2
คิดว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ ร้อยละ 6.1

รายละเอียดในการสำรวจ

วัตถุประสงค์ในการสำรวจ

เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับจิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจของคนไทยประจำไตรมาส 3 ของปี 2568 ในประเด็นต่างๆ รวมถึงเหตุผลที่ทำให้ไม่กล้าเริ่มธุรกิจเป็นของตนเอง ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ

ประชากรที่สนใจศึกษา

การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยการสอบถามแบบออนไลน์ แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)

การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  ± 3 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล

ใช้การเก็บแบบสอบถามออนไลน์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล

ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล   :  19 – 27 ตุลาคม 2568

วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ   :  4 พฤศจิกายน 2568

ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์

  จำนวน ร้อยละ
เพศ     
            ชาย 594 52.6
            หญิง 535 47.4
รวม 1,129 100.0
อายุ    
            18 – 30 ปี 378 33.5
            31 – 40 ปี 406 36.0
            41 – 50 ปี 249 22.0
            51 – 60 ปี 69 6.1
            61 ปีขึ้นไป 27 2.4
รวม 1,129 100.0
การศึกษา    
            ต่ำกว่าปริญญาตรี 227 20.1
            ปริญญาตรี 660 58.4
            สูงกว่าปริญญาตรี 242 21.5
รวม 1,129 100.0
อาชีพ    
ลูกจ้างรัฐบาล 213 18.9
ลูกจ้างเอกชน 298 26.4
ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร 80 7.1
เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง 164 14.5
        ทำงานให้ครอบครัว 108 9.5
พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/เกษียณอายุ 50 4.5
นักเรียน/นักศึกษา 165 14.6
ว่างงาน 51 4.5
รวม 1,129 100.0

ดร.วุฒนิพงษ์  วราไกรสวัสดิ์ คณบดีคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวถึงผลโพลล์นี้ว่า “สำหรับประชาชนที่กำลังสนใจที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ สเต็ปแรกเราต้องดูว่ามีความสนใจหรือชอบถนัดในสิ่งไหนบ้าง แล้วสิ่งที่เราจะทำมีตลาดรองรับไหม ไม่จำเป็นต้องแข่งขันในตลาดใหญ่ ตลาดเล็กก็ได้ ขอให้เรามีส่วนแบ่งทางการตลาดก็ถือว่าสินค้าธุรกิจของเรามีกลุ่มเป้าหมายของตลาดในการรองรับ ถ้าหากไม่รู้ว่าธุรกิจของเราต้องอยู่ในตลาดแข่งขันแบบใดแนะนำให้ใช้เครื่องมือ AI ช่วยเป็นไกด์ไลน์ให้เราเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ เป็นตัวช่วยให้เรามีข้อมูลของการลงมือทำธุรกิจที่เชื่อว่าช่วยได้อย่างแน่นอน”

พร้อมเสริมต่อถึงคนที่สนใจต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ “ประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถเริ่มต้นการเป็นเจ้าของธุรกิจได้ง่าย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities) ที่ช่วยให้ผู้คนเริ่มต้นธุรกิจสะดวกขึ้น การที่มีผู้คนสนใจในการเป็นเจ้าของธุรกิจถือเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่อยากให้มุ่งกลุ่มเป้าหมายไปยังการค้าขายตลาดต่างประเทศเพื่อให้สินค้าของเรามีกลุ่มเป้าหมายหลากหลายไม่เน้นพุ่งเป้าแค่คนในประเทศ”

ปิดท้ายด้วยการเสริมทริกแนะนำว่า “หากใครกำลังสนใจเป็นผู้เริ่มต้นธุรกิจ ในปัจจุบันมันง่ายขึ้นด้วยการมีระบบและเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยเข้าถึงข้อมูล สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการทำงานที่มีระบบรองรับอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่ง ระบบสต็อกสินค้าล้วนแล้วแต่สามารถทำได้ง่ายๆ ขณะเดียวกัน การเติบโตระยะยาวมักเกี่ยวข้องกับการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ การเลือกโมเดลธุรกิจต้องสอดคล้องกับบริบทพื้นที่และกลุ่มลูกค้า”

ทางหลักสูตรการเป็นเจ้าของธุรกิจ คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นหลักสูตรที่สอนให้เป็นเจ้าของธุรกิจหลักสูตรแรกในประเทศไทย เปิดมา 20 ปี เป็นหลักสูตรเดียวในประเทศไทยที่ร่วมมือและได้รับการสนับสนุนจาก Babson College มหาวิทยาลัยด้านผู้ประกอบการอันดับ 1 ของโลก มีเครือข่ายของนักศึกษาทั้งศิษย์เก่าและปัจจุบันของคณะที่มาจากครอบครัวเจ้าของธุรกิจ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็น connection ในระหว่างกลุ่มนักศึกษาที่ดีมากๆ การเรียนการสอนแบบเฉพาะ และเน้นการปฏิบัติลงมือทำจริง สร้างธุรกิจและขายจริงในระหว่างเรียน ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาจะได้มีโอกาสพบกับ ผู้สอน วิทยากร ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญต่างๆที่เป็นเจ้าของธุรกิจตัวจริงมากกว่า 150 คน ทำให้สามารถต่อขยาย connection ได้ไกลมากขึ้น

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *