ความเหลื่อมล้ำอะไรที่เห็นได้ชัดสุดในระบบการศึกษาไทย จากการสำรวจของ EDUZONES

การศึกษาไทยนั้นเป็นระบบที่อยู่คู่กับสังคมชาวไทยมานานและเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยนั้นก้าวหน้าแต่การศึกษาไทยนั้นก็ถือว่ามีความพัฒนาล้าช้าอยู่มากซึ่งอยู่ที่อันดับ 107 ของโลกซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างประเทศลาวและอยู่ในอับดับที่ 8 ของในกลุ่มอาเซียนก็แสดงชี้ชัดให้เห็นว่าการศึกษาไทยนั้นพัฒนาได้ล่าช้ากว่าหลายประเทศและหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การศึกษาไทยเป็นแบบนี้ก็ไม่พ้นความเหลือมล้ำในการศึกษาไทย วันนี้เราได้รวบรวมความคิดเห็นของผู้คนในชุมชนของ Eduzones ในหัวข้อ “ความเหลื่อมล้ำอะไรที่เห็นได้ชัดสุดในระบบการศึกษาไทย” โดยเก็บข้อมูลในวันที่ 22 กันยายน 2566 รวบรวมความคิดเห็นนำมาสรุปเป็น 5 หัวข้อดังนี้

1.คุณภาพของการศึกษาไทย

แน่นอนว่าหัวข้อแรกต้องเป็นเรื่องของคุณภาพของการศึกษาไทยที่ยังมีโครงสร้างที่ยังไม่ดีพอด้วย อย่างเช่น การมีวิชาหลัก วิชารองและวิชาที่ไม่จำเป็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการแบ่งแยกให้เด็กได้ความรู้ที่แตกต่างกันเพราะทุกวิชานั้นสำคัญเท่ากันทั้งหมดและควรมีวิชาที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันและอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของระบบการศึกษาระหว่างโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงซึ่งโรงเรียนเอกชนจะมีการศึกษาที่เพรียบพร้อมกว่าในหลายด้านแต่โรงเรียนรัฐบาลยังมีปัญหาหลายอย่างในหลายโรงเรียนซึ่งเกิดความเหลื่อมล้ำของระหว่างประเภทของโรงเรียนในการศึกษาไทย

2.คุณภาพการศึกษาและมาตรฐานในพื้นที่โรงเรียนในเมืองและชนบท

ในหัวข้อนี้เป็นหนึ่งในหัวข้อที่มองเห็นความเหลือมล้ำได้มากที่สุดเช่นกันก็คือคุณภาพการศึกษาระหว่างโรงเรียนในเมืองกับในชนบทโดยที่โรงเรียนในประเทศไทยมีประมาณ 29,583 แห่ง ซึ่งมีแบ่งประเภทโรงเรียนมี 4 ขนาดหลัก ได้แก่ โรงเรียนขนาดเล็ก,ขนาดกลาง,ขนาดใหญ่และขนาดใหญ่พิเศษ จากที่ได้สังเกตส่วนใหญ่โรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลางในตามตำบลหรืออำเภอต่างๆในต่างจังหวัดนั้นขาดแคลนคุณครู บุคลากรและอุปกรณ์ต่างๆในการศึกษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างจากโรงเรียนใหญ่และใหญ่พิเศษตามในตัวจังหวัดและในตัวกรุงเทพฯที่มีอุปกรณ์เหล่านี้มากมายมายเกินจำเป็น ซึ่งหัวข้อนี้สังเกตุได้จากที่พ่อแม่ผู้ปกครองที่อยู่ตามชนบทในอำเภอต่างๆที่อยากจะให้ลูกตัวเองมีการศึกษาที่ดีๆจึงเลือกส่งลูกตัวเองไปเรียนในโรงเรียนในตัวเมือง ตัวจังหวัดที่มีสภาพโรงเรียนที่ดีกว่าโรงเรียนในอำเภอ หัวข้อนี้ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีความเหลือมล้ำอยู่อย่างชัดเจนซึ่งแตกต่างจากการศึกษาในต่างประเทศอย่างประเทศญี่ปุ่นที่มักให้เด็กๆเรียนในโรงเรียนใกล้ที่บ้านตัวเองและทุกโรงเรียนมีความเพรียบพร้อมในการศึกษาทุกโรงเรียนเสมอ

3.การแบ่งชนชั้นการศึกษาในโรงเรียน

หัวข้อนี้เป็นหัวข้อความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนกันบ้าง ในโรงเรียนทั่วไปที่เราเห็นกันมักจะมีห้องเรียนต่างๆมากมายและทุกโรงเรียนมักจะมีห้องเรียนพิเศษอยู่เสมอซึ่งจะมีความพิเศษกว่าห้องทั่วไปซึ่งการเข้ามานั้นจะต้องสอบเข้าและเสียค่าบำรุงการศึกษาแพงกว่าห้องทั่วไป ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์การเรียนที่มีความใหม่และดีกว่าห้องทั่วไปส่วนในห้องทั่วไปนั้นใช้อุปกรณ์ในเรียนที่เสื่อมโทรมตลอดและไม่มีการปรับปรุงอะไรเหมือนห้องพิเศษ บางครั้งห้องธรรมดาไม่มีห้องเรียนประจำและเรื่องของการรับการศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างสองห้อง รวมถึงสิทธิพิเศษที่ห้องพิเศษมีอย่างเช่น การทำกิจกรรม แต่ถ้าห้องทั่วไปต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการทำกิจกรรม ความเหลื่อมล้ำต่อมาเป็นเรื่องของนักเรียนที่ฐานะดีกับนักเรียนที่ฐานะทั่วไปที่มักจะใช้อุปกรณ์การเรียนที่มีคุณภาพต่างกันอย่างเช่น ดินสอกดกับดินสอไม้ สียี่ห้อถูกกับแพง เป็นต้นหรือการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันอาจจะทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำระหว่างเด็กสองฐานะนี้และต่อมาคือระบบอุปถัมภ์ที่มักจะได้รับโอกาสในโรงเรียนมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งหัวข้อเหล่านี้ก็คือเป็นเรื่องของการแบ่งชนชั้นระหว่างคนที่มีฐานะดี คนที่มีทุนทรัพย์ กับคนที่มีฐานทั่วไปที่มีทุนทรัพย์ไม่มากพอในการศึกษาของไทยที่มีความเหลือมล้ำระหว่างสองฐานะให้เห็นชัดในปัจจุบันมากที่สุดในหัวข้อหนึ่ง

4.ความเหลื่อมล้ำระหว่างคุณครูกับนักเรียน

จากข้อที่แล้วที่ได้พูดถึงความเหลือมล้ำระหว่างห้องเรียนทั่วไปกับห้องเรียนพิเศษแล้ว หัวข้อนี้พูดถึงความเหลือมล้ำของคุณครูระหว่างสองห้องเรียนนี้ที่ปฏิบัติตัวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นการที่ใส่ใจเด็กห้องเรียนพิเศษมากกว่าเด็กห้องเรียนทั่วไปที่ปล่อยปะละเลยซึ่งเกิดการเลือกปฏิบัติได้ชัดเจนระหว่างเด็กที่เรียนเก่งกับเด็กธรรมดาที่เรียนปานกลางกับเด็กธรรมดาที่เรียนไม่เก่งซึ่งครูมักจะเลือกสนใจเด็กที่เรียนเก่งมากกว่าเด็กที่เรียนไม่เก่งซึ่งเกิดความเหลื่อมล้ำและทำให้เด็กที่เรียนไม่เก่งนี้ไม่ได้รับการศึกษาและไม่ได้รับการใส่ใจทำให้เกิดการที่เด็กเหล่านี้เป็นคนที่ไม่มีใครสนใจในสังคมของโรงเรียนและเรื่องต่อมาก็คือการแบ่งชนชั้นระหว่างครูกับนักเรียนสังเกตได้เลยว่าระหว่างครูกับนักเรียนนั้นมีหลายสิ่งที่ไม่เท่าเทียมกัน อย่างเช่น การที่ให้เด็กทำกิจกรรมในโรงเรียนที่หนักอย่างการที่บังคับให้เด็กยืนตากแดดทำกิจกรรมกระทั้งที่ครูยืนอยู่ในที่ร่ม โดยที่เด็กนักเรียนนั้นจะร่างกายอ่อนแรงแค่ไหนก็บังคับให้ทำ อย่างต่อมาก็คือห้องน้ำครูกับห้องน้ำนักเรียนสิ่งเหล่านี้เห็นได้ทั่วไปได้ทุกโรงเรียนในห้องน้ำครูมักจะสะอาดและใหม่ตลอดแต่ห้องน้ำนักเรียนนั้นเป็นห้องน้ำที่สกปรก เก่า และเสื่อมโทรมไร้การดูแลแต่เมื่อเทียบกับห้องน้ำครูที่ห้ามไม่ให้นักเรียนเข้าก็เทียบได้ว่าความเหลื่อมล้ำระหว่างครูกับนักเรียนนั้นเป็นเรื่องที่เห็นได้ในทั่วไปและเรื่องต่อมาก็คือเรื่องของเรียนพิเศษแน่นอนว่าใครที่อยากได้ความรู้เพิ่มจะต้องเรียนพิเศษซึ่งความเลื่อมล้ำในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณครูในโรงเรียนเปิดเรียนพิเศษสอนนอกเวลาโดยที่ให้นักเรียนจ่ายเงินเรียนในวิชาที่ตัวเองสอนเพิ่มและจะได้แนวข้อสอบในวิชาที่สอนเพิ่มซึ่งเกิดความเลือมล้ำกับคนที่ไม่มีเงินเรียนเพิ่มและคุณครูเหล่านี้ได้ปฏิบัติตัวดีกับเด็กที่เรียนพิเศษซึ่งแตกต่างจากเด็กทั่วไป หัวข้อนี้เป็นความเหลือมล้ำที่เกิดขึ้นโดยบุคลากรทางการศึกษาอย่างคุณครูที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับนักเรียนที่เป็นอนาคตของชาติและทำให้การศึกษาของเด็กนั้นไม่เท่าเทียมกัน

5.การเข้าถึงโอกาสต่างๆในการศึกษา

จากทุกหัวข้อที่กล่าวไปนี้ทำให้เห็นชัดเลยว่าในประเทศไทยนี้มีเด็กๆมากมายที่พลาดในการเข้าถึงศึกษาไม่ว่าจะเป็นเด็กในพื้นที่ห่างไกล เด็กที่มีฐานะยากจน หรือเด็กที่มีทุนทรัพย์ไม่มากเพียงพอ สังเกตุได้จากการที่มีข่าวที่เกี่ยวกับเด็กที่ไม่ได้รับการศึกษาหรือบุคคลหลายคนที่วุฒิการศึกษาไม่เพียงพอในการทำงานเนื่องจากทุนทรัพย์ไม่เพียงพอนอกจากนี้มีเด็กหลายคนที่มีความฉลาด เรียนเก่งและตั้งใจเรียนแต่ต้องพลาดโอกาสหลายอย่างจากความเหลือมล้ำในทุกหัวข้อที่กล่าวมาด้วยเหตุผลที่ทุนทรัพย์ไม่เพียงพอ บ้านอยู่ห่างไกลความเจริญ หรือโดนตัดโอกาสต่างๆ จากที่ทุกคนได้เห็นข่าวหรือเหตุการณ์ที่เด็กได้ขาดการเข้าถึงการศึกษาที่มีอยู่จำนวนมากในปัจจุบันนั้นแสดงให้เห็นถึงความเหลือมล้ำที่มีอยู่ได้อย่างชัดเจน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนใหญ่ของบรรดาเหล่าผู้คนในชุมชน EDUZONES เกี่ยวกับประเด็น ความเหลื่อมล้ำอะไรที่เห็นได้ชัดสุดในระบบการศึกษาไทย” ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมของการศึกษาไทยและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้การศึกษาไทยนั้นพัฒนาล่าช้ากว่าหลายประเทศในโลกด้วยจากการที่ทำให้การศึกษานั้นเข้าไม่ทั่วถึงทุกคนและเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เด็กไทยหลายคนนั้นพลาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาเนื่องด้วยจากการเกิดความเหลื่อมล้ำในการศึกษาที่มีมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นผู้คนในประเทศไทยควรมองปัญหาความเลื่อมล้ำในการศึกษานี้และควรแก้ไขเพื่อให้เด็กๆที่เป็นอนาคตของชาติให้เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและให้มีโอกาสในการเข้าถึงการใช้ชีวิตที่ดีในการเรียนตลอด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *