10 สิ่งที่น้องๆต้องเตรียมไว้ใส่ใน Portfolio

สำหรับน้องๆที่อยากจะเข้า TCAS รอบที่ 1 รอบ Portfolio แต่ไม่รู้ว่าควรต้องมีอะไรใส่ไว้ใน Portfolio บ้าง วันนี้พี่ๆจะมาบอกถึง “10 สิ่งที่น้องๆต้องเตรียมไว้ใส่ใน Portfolio” ว่าควรมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!!

1.ผลงานการแข่งขันทางวิชาการ

สิ่งที่เปิดมาก็คือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญในการใส่พอร์ตนั่นก็คือผลงานด้านวิชาการโดยเฉพาะการแข่งขันวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การแข่งขันรายการต่างๆทางวิชาการในระดับต่างๆ การสอบแข่งขันระดับประเทศ หรือระดับโอลิปิกวิชาการ ซึ่งในแต่คณะ/สาขาที่เราอยากจะเข้านั้นก็จะมีวิชาการในด้านที่เราโดดเด่นแตกต่างกันไปในตามสายคณะ/สาขาที่เราอยากเข้า ยิ่งถ้าเรามีผลงานการแข่งขันวิชาการในด้านคณะ/สาขาที่เราอยากจะเข้ามากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสที่จะเข้าคณะ/สาขาที่เราอยากเข้าได้มากขึ้น ฉะนั้นน้องๆสะสมเก็บผลงานวิชาการเหล่านี้ไว้ตั้งแต่ม.ปลายไว้เลยนะครับ เพราะการแข่งขันทางวิชาการนั้นเป็นกิจกรรมที่จะต้องสะสมไว้ตั้งแต่ม.ปลายเพื่อที่จะให้มีผลงานทางวิชาที่มีสะสมเยอะๆเพื่อเพิ่มโอกาสในการติดมากขึ้นครับ โดยเฉพาะสายคณะที่เกี่ยวกับเน้นทางวิชาการเป็นหลักอย่างเช่น สายคณะ/สาขาที่เกี่ยวกับแพทย์ สายคณะ/สาขาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

2.ใบประกาศนียบัตรที่เกี่ยวข้องกับคณะและสาขา

ลำดับต่อมานั้นก็คือผลงานของเราต่างๆที่ได้ใบประกาศนียบัตรหรือเกียรติบัตรไม่ว่าจะมาจากการแข่งขัน การประกวด การชิงเงินรางวัล สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเพิ่มโอกาสในการติดให้กับเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่เราได้รางวัลชนะ ไม่ชนะ หรือชมเชย ก็ควรใส่ใน Portfolio เพราะเกียรติบัตรเหล่านี้เป็นการแสดงถึงประสบการณ์ของเราที่ได้เคยทำกิจกรรมแข่งขันต่างๆมากแล้วมากมาย ยิ่งถ้าเราสะสมหรือมีเกียรติบัตรสะสมมากขึ้นเพียงใดก็เพิ่มโอกาสในการติดมากขึ้นและถ้าผลงานในเกียรติบัตรของตรงกับสายคณะ/สาขาที่เราอยากเข้าก็มีโอกาสติดเพิ่มขึ้นอีก หรือถ้าเรามีการเรียนหลักสูตรพิเศษต่างๆมาแล้วก็สามารถใส่ได้เลยครับ โดยรวมแล้วใบประกาศนียบัตรก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรมีใน Portfolio เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัววัดประสบการณ์ของเราและเป็นตัวที่ดึงดูดความสนใจของเราใน Portfolio มากขึ้นครับ

3.คะแนนสอบวัดความสามารถด้านภาษา

ลำดับต่อมาเป็นสิ่งที่สำคัญของคนที่จะยื่นสายคณะ/สาขาที่เกี่ยวกับภาษาเลยทีเดียวที่ควรมีใน Portfolio นั้นก็คือผลการสอบภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอย่าง TOEIC,IELTS,TOEFL,CU-TEP,TU-GET  สอบวัดระดับภาษาจีนอย่าง HSK,YCT และ BCT สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นอย่าง JLPT ส่วนคนยื่นคณะ/สาขาอื่นๆก็สามารถใส่คะแนนสอบเหล่านี้ได้เช่นกัน เพราะคะแนนสอบเหล่านี้เป็นตัวชี้ความสามารถในด้านการใช้ภาษาต่างๆของเราและสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าได้อีกด้วย ซึ่งคะแนนสอบเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่ยื่นสายคณะ/สาขาที่เกี่ยวกับภาษาและสายคณะ/สาขาอื่นๆที่ใช้คะแนนวัดระดับเหล่านี้ คะแนนสอบวัดความสามารถด้านภาษาจึงเป็นสิ่งที่ควรมีใน Portfolio

4.ผลงานด้านจิตสาธารณะ 

ไม่ใช่แค่ด้านวิชาการเท่านั้นที่จำเป็นสำหรับกับการใส่ Portfolio ด้านกิจกรรมก็เช่นกันโดยเฉพาะกิจกรรมสาธารณะ ก็สามารถใส่ไว้ใน Portfolio ได้เช่นกัน ซึ่งเหมาะสำหรับน้องๆสายกิจกรรมจิตอาสาทำความดี อย่างเช่น ค่ายจิตอาสาต่างๆ หรือ กิจกรรมทำเพื่อสังคมต่างๆอย่างการทำความสะอาดในพื้นที่สาธารณะ ในพื้นที่ต่างๆอย่างเช่น วัด ถนน สถานที่ราชการ เป็นต้น ก็สามารถนำไปใส่ใน Portfolio ได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องมีเกียรติบัตรหรือใบประกาศนียบัตรแค่มีรูปถ่ายก็สามารถใส่ใน Portfolio ได้แล้วครับพร้อมกับคำอธิบายถึงกิจกรรมที่น้องๆทำอยู่  การทำกิจกรรมสาธารณะเป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นในการที่ใส่ Portfolio เพราะ Portfolio นั้นเป็นตัวที่บ่งบอกถึงตัวตน ความคิดและจิตใจของเราและการทำกิจกรรมสาธารณะนั้นแสดงถึงการที่เรานั้นมีจิตสาธารณะต่อสังคมและเป็นที่มีจิตใจที่ดีต่อสังคมอีกด้วย

5.ผลงาน กิจกรรม หรือรางวัลความสามารถทางด้านกีฬา

ลำดับต่อมาอย่างที่บอกไว้ในข้อที่แล้วว่าไม่ใช่ด้านวิชาการเท่านั้นที่จำเป็นแต่ด้านกิจกรรมนั้นก็จำเป็นเช่นกัน ซึ่งกิจกรรมก็มีหลากหลายด้านเช่นกัน ซึ่งกิจกรรมด้านกีฬาก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญสำหรับคนที่จะยื่นสายคณะ/สาขาที่เกี่ยวกับกีฬาและคนที่มีความสามารถด้านกีฬา สามารถยื่นความสามารถทางกีฬาของตัวเองว่า ถนัดกีฬาประเภทไหน แข่งขันอะไรมาบ้าง มีรางวัลอะไรบ้าง สำหรับน้องๆที่มีความสามารถทางด้านกีฬาหรือน้องๆที่อยากจะเข้าคณะ/สาขาสายทางด้านกีฬา หัวข้อนี้จึงจำเป็นในการใส่ Portfolio สำหรับน้องๆ ยิ่งมีผลงาน รางวัลทางด้านกีฬามากเท่าไหร่ ก็เพิ่มโอกาสในการการเข้าคณะสาขาที่น้องๆอยากเข้ายิ่งสูงครับ

6.ผลงาน กิจกรรม หรือรางวัลความสามารถทางด้านดนตรี

หัวข้อนี้มาทางน้องๆสายกิจกรรมและน้องๆที่ถนัดทางสายดนตรี สามารถใส่ความสามารถทางดนตรีได้เหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน ประกวด หรือการเข้ากิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับดนตรี น้องๆสามารถใส่ในPortfolioได้เช่นกัน และถ้าน้องๆยื่นคณะ/สาขาที่เกี่ยวกับสายดุริยางค์ศาสตร์ คณะ/สาขาสายศิลปกรรมศาสตร์ หรือคณะ/สาขาที่เกี่ยวกับสายทางดนตรีและศิลปะ หัวข้อนี้สามารถเพิ่มโอกาสให้น้องๆมีโอกาสติดคณะเหล่านี้ได้มากขึ้น สำหรับน้องๆที่ยื่นคณะ/สาขาอื่นก็สามารถใส่ไว้ใน Portfolio ได้เหมือนกันครับเพราะเป็นความสามารถพิเศษของตัวเองครับ

7.ผลงานการเข้าร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียน

สำหรับน้องที่คิดไม่ออกว่าจะใส่อะไรลงไปใน Portfolio ดี น้องๆก็สามารถใส่กิจกรรมในโรงเรียนที่น้องๆได้ทำใส่ลงไปใน Portfolio ได้เหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิชาการ กิจกรรมต่างๆในรั้วโรงเรียน โดยจะต้องเน้นให้ตรงกับสายคณะสาขาของตัวเอง อย่างเช่น ถ้าน้องๆอยู่ในกลุ่มโสตทัศนศึกษาโรงเรียน เป็นตากล้องถ่ายกิจกรรมของโรงเรียน สามารถยื่น Portfolio คณะ/สาขาที่เกี่ยวกับสายนิเทศศาสตร์ได้ เป็นต้น กิจกรรมในรั้วโรงเรียนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีเกียรติบัตรก็ได้ สามารถใส่แค่รูปถ่ายได้ หัวข้อนี้ก็เป็นหนึ่งหัวข้อที่สำหรับน้องๆที่คิดว่าอยากใส่อะไรเพิ่มลงไปใน Portfolio ดี หัวข้อนี้ก็สามารถใส่เพิ่มลงไปได้

8.ผลงานการเข้าค่ายหรือฝึกอบรมต่างๆ

มาถึงหัวข้อต่อไปหัวข้อนี้เหมาะสำหรับน้องๆสายกิจกรรมอีกแล้ว โดยเฉพาะน้องๆที่ชอบเข้าค่าย ทำกิจกรรมต่างๆ น้องๆสามารถใส่กิจกรรมเข้าค่ายเหล่านี้ลงไปใน Portfolio ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น เข้าค่ายวิชาการ ค่ายอบรม ค่ายแนะแนว ค่ายเปิดบ้าน พี่อยากจะแนะนำให้น้องๆเก็บรูปทำกิจกรรมในค่ายไว้เยอะๆเลยนะครับ เพื่อที่จะได้ไว้เก็บใส่ใน Portfolio นะครับ ถ้าน้องๆเข้าค่ายหรือกิจกรรมฝึกอบรมต่างๆที่ตรงกับสายคณะ/สาขาที่ตัวเองอยากเข้าก็สามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าได้เป็นอย่างดี น้องๆสายเข้าค่ายอย่าพลาดใส่กิจกรรมเหล่านี้ลงไปใน Portfolio นะ

9.ประวัติส่วนตัว

แน่นอนว่าเรื่องที่ผ่านมาเป็นกิจกรรม ความสามารถ และ ความถนัดทางวิชาการ ที่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆนั้นก็คือประวัติส่วนตัวของเราเอง ซึ่งประวัติส่วนตัวก็เปรียบเสมือนการแนะนำตัวเราเองลงไปใน Portfolio ต้องเขียนให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ชื่อ อายุ ประวัติการศึกษา เรียนที่ไหน ชั้นประถมจบที่ไหน ชั้นมัธยมต้น ชั้นมัธยมปลายจบที่ไหน เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ในแต่ละระดับชั้น มีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง ชอบหรือสนใจอะไรบ้าง ช่องทางการติดต่อ การเขียนประวัติส่วนตัวไม่ต้องเขียนให้ยาวมาก เขียนให้ละเอียด และเขียนข้อมูลให้ถูกต้อง ประวัติส่วนตัวนั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้เขานั้นรู้จักถึงตัวตนเรามาขึ้นฉะนั้น น้องๆเขียนประวัติส่วนตัวของตัวเองออกมาให้ดีที่สุดนะ

10.การเขียน SOP (Statement Of Purpose)

และแล้วมาถึงหัวข้อสุดท้ายแล้ว ซึ่งเป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุดในสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ใน Portfolio นั้นก็คือการเขียน SOP (Statement Of Purpose) ลงไปใน Portfolio เมื่อน้องๆอยากเข้าคณะสาขาที่ตัวเองไฝ่ฝันน้องๆจะต้องเขียน SOP (Statement Of Purpose) นั้นก็คือจดหมายแนะนำตัวในการยื่นมหาวิทยาลัยเป็นรูปแบบเอกสารเรียงความที่จะเล่าแนะนำตัวตนของเราให้คณะ/สาขาของมหาวิทยาลัยนั้นรู้จักตัวตนของเราโดยเนื้อหาของ SOP จะเล่าถึงตัวตนของน้องๆ บอกถึงความสนใจและแรงบันดาลใจของน้องที่มีความฝันอยากในการเข้าเรียนคณะ/สาขานี้ เพื่อให้คณะ/สาขาที่น้องๆเข้าเห็นว่าน้องๆมีคุณสมบัติที่จะเข้าคณะสาขานี้

แล้วโครงสร้างของ SOP มีอะไรบ้างล่ะ ?

โครงสร้างของ SOP นั้นมี

1.การแนะนำตัวเอง ซึ่งการแนะนำตัวเองนั้นจะต้องเขียนให้กระชับ

2.เล่าประวัติการศึกษา ผลงานและความสามารถของน้องๆ ก็เล่าเรื่องราวประวัติการศึกษาของน้องๆและผลงานต่างๆที่น้องเคยทำซึ่งควรเป็นผลงานที่ตรงกับคณะ/สาขาที่น้องอยากเข้าด้วย โดยน้องพูดถึงรายละเอียดของผลงานนั้นๆว่าทำอะไรมาบ้าง เจออุปสรรคอะไรมาบ้าง มีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไรแล้วงานชิ้นนี้ทำให้เราพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง

3.เหตุผลที่อยากเข้าคณะ/สาขาที่น้องๆสมัคร น้องๆก็เล่าเหตุผลที่น้องๆอยากเข้ามาศึกษาในคณะ/สาขานี้ แล้วบอกว่าคณะสาขานี้มีหลักสูตรอะไรมาบ้างและมีสาขาอะไรที่ตรงกับตัวเรา

4.เป้าหมายในอนาคตหรืออีกใน 5-10 ปีข้างหน้าน้องๆพูดถึงเป้าหมายของน้องๆว่าหลังจากน้องเข้าเรียนที่คณะ/สาขานี้หรือหลังจากเรียนจบจากคณะ/สาขานี้ จะช่วยให้ตรงตามสิ่งที่น้องๆตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร

การเขียน SOP (Statement Of Purpose) นั้นเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในการนำใส่ลงไปใน Portfolio เพราะ SOP เป็นสิ่งที่บอกถึงตัวตนของเราได้ดีที่สุดและบอกถึงความตั้งใจของเราที่มีต่อคณะและสาขาที่เราอยากจะเข้าเรียนจริงๆ ซึ่ง SOP ก็เปรียบเหมือนจดหมายที่บอกถึงความตั้งใจและจุดประสงค์ของน้องในการทำ Portfolio อีกด้วย

และนี่คือ “10 สิ่งที่น้องๆต้องเตรียมไว้ใส่ใน Portfolio” น้องๆสามารถนำ 10 สิ่งเหล่านี้ใส่ไว้ใน Portfolio ของน้องๆได้เลย และน้องสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านี้ได้ตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย น้องๆต้องพยายามเก็บผลงาน เก็บกิจกรรม เก็บผลสอบ จาก 10 สิ่งเหล่านี้ที่พี่ได้กล่าวมาแล้วน้องจะมีโอกาสติดรอบ Portfolio แน่นอน พี่เชื่อว่าน้องๆสามารถทำได้และขอให้น้องโชคดีกับการยื่นรอบ Portfolio นะครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *