วิทยาลัยการออกแบบ ม.รังสิต เปิดหลักสูตร 3 ปีครึ่ง เรียนครบ จบไว ออกแบบไลฟสไตล์การเรียนให้น้องๆ ม.ปลาย, อาชีวะฯ

เมื่อโลกของเรากำลังเข้าสู่ยุค “ดิจิทัลเปลี่ยนโลกการศึกษา” อย่างเต็มตัว การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เป็นแบบก้าวกระโดดและกำลังนำมามาถึงจุดหักศอก นำมาซึ่งความท้าทายของการปรับตัวและการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้ทันกับโลก ขณะที่การจ้างงานกำลังจะหายไป และตำแหน่งงานแบบเดิมกำลังจะถูก Disrupt และถูกเปลี่ยนโฉมแบบพลิกผันอีกไม่นาน เรากำลังอยู่ในยุคที่ต้องปรับตัวแบบก้าวกระโดด และการจ้างงานแบบชั่วชีวิตอาจจะไม่มีอีกต่อไป เหลือเพียงการเรียนรู้ และปรับตัวตลอดชีวิต ยุคที่คนที่เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และสามารถปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ได้ แต่ละคนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ตนเององค์กร และประเทศชาติ และยุคที่ว่านั้นหมายถึงการศึกษาแบบดั้งเดิมไม่ได้ตอบโจทย์การอยู่รอดในโลกยุคใหม่อีกต่อไปแล้ว ดังนั้น สถาบันการศึกษาหลายแห่งขยับตัวด้านรูปแบบการศึกษา การเรียนรู้เพื่อตอบโจทย์นักศึกษาและสังคมให้ได้มากที่สุด

รศ.พิศประไพ สาระศาลิน คณบดีวิทยาลัยการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า “เมื่อเราเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว เราต้องกลับมาทบทวนบทบาทด้านการศึกษาในวิทยาลัยการออกแบบของเรา ถอยออกมามองภาพกว้างร่วมกันกับทีมคณาจารย์ แล้วตั้งคำถามว่า เราจะปรับตัวอย่างไร พลิกโฉมสาขาวิชาของเราอย่างไรให้ไม่ล้าหลัง ทันกับโลก และตอบโจทย์ผู้เรียน? ฉะนั้นเมื่อโลกมันเริ่มหมุนเร็วขึ้น เราต้องขยับให้เร็วขึ้น เราศึกษาหาข้อมูลจนพบว่าผู้เรียนในยุค Gen Z หรือยุคใหม่ๆที่กำลังเกิดขึ้นไม่กลุ่มที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่น มีความเป็นตัวเอง ไม่ชอบอะไรที่ช้า ชอบความรวดเร็ว เรียนๆเล่นๆ 4-5 ปี ไม่มีแล้ว อยากเรียนจบเร็วมีงานทำเร็ว หรือบางคนทำงานตั้งแต่ยังเรียนสร้างรายได้มากเลี้ยงตัวเองได้และตัดสินใจสร้างรายได้มาเลี้ยงตัวเองและทำงานเป็นทีมตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาก็มี วิทยาลัยการออกแบบของเราจึงได้ปรับหลักสูตรใหม่จากเดิมปริญญาตรีหลักสูตร 4 ปี เป็นหลักสูตร 3 ปีครึ่ง นั่นหมายความว่าความรู้ที่ผู้เรียนจะได้รับยังครบถ้วนไม่ขาด แต่เราเปลี่ยนที่กระบวนการศึกษาโดยเน้น “การบูรณาการณ์ข้ามศาสตร์” 

ผู้เรียนที่มีความสนใจเรียน 5 สาขาของวิทยาลัยการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต อาทิ  1. สาขาวิชาศิลปะภาพถ่าย 2. สาขาวิชาการออกแบบภายใน 3. สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ 4. สาขาวิชาการออกแบบ และ 5. สาขาวิชาแฟชั่นดีไซน์” สามารถสมัครเรียนพร้อมออกแบบรูปแบบการเรียนตลอด 3 ปีครึ่งกับอาจารย์ที่ปรึกษาได้ทันที เพื่อให้ได้ศาสตร์และศิลป์ รวมถึงวิชาที่เรียนที่สนใจเพื่อนำไปประกอบทักษะความรู้ หรือเพิ่มเติมจากความรู้ที่มีอยู่ข้ามสาขาวิชาได้อย่างอิสระ นอกจากนั้น ยังเน้นการทำงานเป็นทีมร่วมกับเพื่อนต่างสาขาวิชาและต่างคณะวิชาอันเป็นการเปิดโลกทัศน์และวิสัยทัศน์ของผู้เรียนให้กว้างยิ่งขึ้น ผู้เรียนจะถูกส่งเสริมให้คิดใหม่ทำใหม่ หาคำตอบให้ที่ดีที่สุดด้วยกระบวนการออกแบบ (Design thinking) ร่วมกับเพื่อนต่างศาสตร์ อันเป็นการแชร์ความรู้ ประสพการณ์ และพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ควบคู่ไปกับทักษะความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งหาไม่ได้ในการเรียนจากอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นการเรียนรู้จากผู้เรียนคนเดียว นอกจากนั้นการเรียนรู้แบบบูรณาการณ์ยังเป็นการขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย ซึ่งเรามีความเชื่อว่าการเรียนรู้ในระดับมหาวิทยาลัยจำเป็นจะต้องมีการปฏิรูปในรูปแบบพื้นที่แห่งการแชร์ความรู้ ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่งทางด้านธุรกิจ การตลาด และเทคโนโลยี ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบทบาทของนักออกแบบในอนาคตข้างหน้านี้ เราเรียกว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันผู้เรียนในวิทยาลัย/คณะ อื่นๆ สามารถเข้ามาลงเรียนวิชาที่สนใจของวิทยาลัยการออกแบบได้เช่นกัน พื้นที่การเรียนรู้แบบใหม่ในมหาวิทยาลัยจะกลายเป็นสถานที่ที่ผู้เรียนรวมตัวเข้ามาในพื้นที่ที่มีความสนใจเหมือนกัน มาหาความรู้ มาแชร์ประสบการณ์ มาสร้างเครือข่ายร่วมกัน นอกจากนี้การเรียนออกแบบที่วิทยาลัยการออกแบบไม่ว่าจะสาขาใด จะไม่เน้นเรียนแบบเดี่ยวๆ อีกต่อไปแต่เน้นให้เรียนเป็นกลุ่ม เป็นทีม เรียนกับอาชีพอื่นๆ ได้ด้วย

การเรียนออกแบบที่เกิดจากการมารวมในพื้นที่เดียวกันบนโลกของความเป็นจริง ประสบการณ์ที่ผู้เรียนจะได้รับระหว่างเรียนที่ติดตัวไปตลอดนั่นคือ “‘ความคิดสร้างสรรค์” และความสร้างสรรค์ไม่ได้เกิดจากการเรียนใน 4 ปีแบบเดิมๆ ฉะนั้น หลักสูตรใหม่ 3 ปีครึ่งเรียกว่าเป็นการกระชับระยะการศึกษาเรียนครบ กับเนื้อหาและวิชาเน้นๆ ที่ผู้เรียนออกแบบ จะทำให้เหลือเวลาของในการใช้ชีวิตมากขึ้น ได้มีโอกาสไปทำงาน เรียนต่อ หรือตามความฝันในอนาคตได้”

รศ.พิศประไพ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนั้นหลักสูตรระดับปริญญาตรีแล้วผู้เรียนยังสามารถควบรวมเป็นการเรียนหลักสูตร Double Degree กับสาขาออกแบบสาขาอื่นๆ ได้ภายในสี่ปีอีกตามความต้องการของผู้เรียน ซึ่งจะตรงใจคนยุคใหม่ที่สามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างหลากหลายแบบไร้กาลเวลา ไร้พรมแดน ไร้ขีดจํากัดก้าวข้ามสูงไปกว่าการเรียนในชั้นเรียนหลายเท่า ผู้เรียนสามารถทำตัวเองให้เป็นศูนย์กลางการเข้าถึงความต้องการของตนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพราะคนรุ่นใหม่มีความคิดไม่ยึดติดกับปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตร ปริญญาบัตรไม่สามารถเป็นค่านิยมและการเชิดชูความสามารถทางวิชาการอีกต่อไป  ผู้เรียนที่เรียนจบต้องการงานที่ตอบโจทย์ด้านการใช้ชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นตัวของตัวเอง ไม่อยู่ในค่านิยมที่คนรุ่นก่อนปลูกฝังไว้อีกแล้ว ฉะนั้น เราต้องไม่หยุดความตามโลก ปรับตามยุค การปรับหลักสูตรใหม่ของเราเชื่อว่าจะยกระดับทักษะเดิมให้สูงขึ้น และปรับทักษะผู้เรียนให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีในแต่ละประเภทงานและโลกที่เปลี่ยนไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *