ม.อัสสัมชัญ จับมือกับอาคเนย์ เปิดหน้าใหม่การศึกษาไทย เน้นประสบการณ์ตรง “Happiness by Design” ( HbD)

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน จับมือ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนของคณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ เน้นการสร้างประสบการณ์เรียนรู้ตรงจากผู้เชี่ยวชาญ ดึงศักยภาพของนักศึกษามาพัฒนาเพื่อให้เกิดเป็นอาชีพ ที่จะสร้างความยั่งยืนให้นูปบบการดำเนินชึวิตที่ทั้งมั่งคั่งและสุขภาพดี (wealthy and healthy lifestyle) ตรงใจเด็กรุ่นใหม่ ที่ต้องการความรู้มากกว่าในตำราเรียน พร้อมขยายเครือข่ายการทำธุรกิจไปยังอาเซียนภายใต้แนวคิด Happiness by Design (HbD)

นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน กล่าวว่า ความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนระดับปริญญาตรีในคณะบริหารธุรกิจ (BBA) ระหว่าง บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นำโดย อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของวงการประกันและวงการการศึกษา เพื่อยกระดับการเรียนรู้แบบบูรณาการให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของนักศึกษาในยุคดิจิทัล สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของอาคเนย์ ที่มุ่งสนับสนุนภาคการศึกษาของเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศได้มีโอกาสค้นหาตัวตน ผ่านแนวคิด Happiness by Design (HbD) ที่จะช่วยให้วางแผนความสุข ความต้องการ พร้อมเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ จนสามารถขยายเครือข่ายและสานต่อธุรกิจของครอบครัว รวมถึงต่อยอดธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ภราดา ดร.บัญชา แสงหิรัญ อธิการบดี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ประสานความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน มุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้เป็นสากล และได้รับการรับรองจากภาครัฐ เพื่อรองรับนักศึกษาและสนับสนุนให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากวิชาเรียนอย่างเข้มข้น โดยจะเริ่มเปิดให้นักศึกษาที่สนใจลงทะเบียนหลักสูตรใหม่ของวิชาเลือกเสรีคณะบริหารธุรกิจ ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป

“ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมรูปแบบการเรียนการสอนครั้งสำคัญ เพราะนักศึกษาจะได้รับโอกาสเรียนรู้และศึกษาวิชาในสายอาชีพที่ชื่นชอบและสนใจจากผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอย่างใกล้ชิด สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองมาใช้ ขณะที่อาคเนย์จะมีโอกาสได้ทรัพยากรบุคคลที่ผ่านการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านทั้งความรู้ ความสามารถ มาช่วยพัฒนาธุรกิจได้ตรงตามที่ต้องการ พร้อมร่วมงานกับอาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน ภายใต้ บมจ.เครือไทย โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสายธุรกิจหลัก ของ TCC ในอนาคต” ภราดา ดร.บัญชากล่าว

ภราดา ดร.บัญชา กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องร่วมมือว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วในโลกตะวันตก ส่วนไทยเรียกว่ายังห่างอยู่ 30-40 ปี โดยสิ่งที่ต่างประเทศปฏิบัติกันอย่างเช่นการรวมกลุ่มกันอย่างอียู แม้ว่าอังกฤษจะออกไป แต่นั่นเพราะเป็นประเทศใหญ่ ส่วนประเทศอื่นๆ เล็กก็ยังต้องรวมตัวกันเพื่อรักษาอำนาจต่อรองต่างๆ เช่นเดียวกับอาเซียนที่รวมตัวกันเพื่อวัตถุประสงค์นี้

“นี่คือโมเดลของโลกที่ใช้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว อย่างเรื่องโรคระบาดตอนนี้ อย่างเรื่องเอไอ เรื่องเทคโนโลยี อันนี้คือประเด็นแรก” ดร.บัญชากล่าว

ประเด็นที่สอง คือ การร่วมมือกันจำเป็นสำหรับโลกที่การแข่งขันสูงแบบทุกวันนี้ มหาวิทยาลัยต้องแข่งกันแย่งเด็กเข้ามาเรียน และประเด็นสุดท้ายคือทุกอย่างมันซับซ้อนขึ้นมากในโลกปัจจุบันและยากที่ใครคนเดียวจะเข้าใจ เดิมมหาวิทยาลัยเหมือนอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่รู้ว่าข้างนอกเขาทำอะไรกัน รวมไปถึงว่ากฎระเบียบต่างๆ ยังเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ และการขออนุญาตทำอะไรใหม่ๆ ต่างก็ล่าช้าไม่ทันการณ์

“กลับกัน โลกธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่างๆ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว  คำถามคือจะทำให้นักศึกษาเรียนรู้ทฤษฎีแล้วนำไปปฏิบัติอย่างไร อุตสาหกรรมต้องเข้ามาร่วมมือช่วยกันพัฒนาเรื่องเหล่านี้ เพราะภายในมหาวิทยาลัยก็รู้บ้างไม่รู้บ้าง ธุรกิจเขารู้และปรับเปลี่ยนไวคล่องตัวกว่า เราจึงอยากให้เขานำของจริงเข้ามาฝึกฝนนักศึกษาให้รู้จักของจริง ให้เคลื่อนตัวไวเหมือนกัน” ดร.บัญชา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *