ม.กรุงเทพ พร้อมรับมือโลกดิจิทัล เรียนรู้แบบสร้างสรรค์ คิดล้ำนำอนาคต

   

Technology Disruption ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและรุนแรง แต่ Creativity ยังคงเป็นเครื่องมือทรงพลังที่สุดในการสร้างโอกาสความสำเร็จให้ทุกธุรกิจ การเรียนการสอนแบบใหม่ที่ผสาน Creativity เข้ากับ Technology ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงทำให้อนาคตของนักศึกษาเปิดกว้างไร้ขีดจำกัด และตอบโจทย์การรับแรงกระแทกจากกระแสดิจิทัลอันเชี่ยวกรากอย่างได้ผล

อาจารย์เพชร โอสถานุเคราะห์  อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ  ให้มุมมองว่า ทุกการเปลี่ยนแปลงคือความท้าทายที่ส่งเสริมให้ทุกคนใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อหาวิธีจัดการแก้ไขปัญหา  ล่าสุด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ประกาศจุดยืนรับเทรนด์ดิจิทัล  ด้วยกระบวนการเรียนการสอนสร้างสรรค์  (Creative Education) แล้วเติมทักษะนักศึกษาทุกคณะทุกหลักสูตรให้เหนือกว่าใคร ด้วยการเรียนข้ามศาสตร์ ผนวกรายวิชาด้านเทคโนโลยีให้ทุกคนได้เรียนรู้  เป็นการพัฒนาบัณฑิตคุณภาพสอดรับเศรษฐกิจดิจิทัลตามแผนในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมกับยกหลักสูตรทั้งหมดมาที่  Main Campus รังสิต ซึ่งมีความพร้อมทั้งเรื่องอุปกรณ์และ Ecosystem เพื่อเสริมสมรรถนะการเรียนรู้ของนักศึกษาอย่างเต็มศักยภาพ

รศ.ดร.ณัฐภพ นิ่มปิติวัน รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ  ให้รายละเอียดว่า นอกจากการพัฒนาผู้เรียนจะยังคงสะท้อนอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คือ มีความคิดสร้างสรรค์  มีจิตวิญญาณความเป็นเจ้าของธุรกิจ และมีความเป็นสากลแล้ว  มหาวิทยาลัยกรุงเทพยังต้องการให้นักศึกษาทุกคนมีกระบวนคิดที่ผสมผสานกันของ Creativity และ Technology เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาเมื่อบัณฑิตเข้าสู่ธุรกิจและการทำงานจริงไม่ว่าจะเป็นสาขาอาชีพใด พวกเขาจะสามารถใช้ Creativity เป็นเครื่องมือทรงพลังในการปรับเปลี่ยนแก้ไขปัญหาและสรรค์สร้างนวัตกรรมทุกรูปแบบที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวสนับสนุน

 “มหาวิทยาลัยกรุงเทพอาจถูกรับรู้ความโดดเด่นในคณะวิชาสายศิลป์  แต่เราก็มีหลักสูตรสายวิทยาศาสตร์ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม มากว่า 25 ปีแล้ว โดยนักศึกษาของเราสามารถสร้างหุ่นยนต์ และ AI ตลอดจนเทคโนโลยีทันสมัยอีกหลากหลายได้ไม่ด้อยกว่าที่อื่น แต่ที่ต่างออกไปคือ ความเป็นนักเทคโนโลยีของเราจะมี Creativity เป็นแรงผลักดันเสมอ เราไม่ปล่อยให้เทคโนโลยีมาจำกัดความคิดสร้างสรรค์ แต่เราใช้ความคิดสร้างสรรค์มาผนวกเทคโนโลยี เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาตลอดเวลา รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมการศึกษา กล่าว

ที่สำคัญและแตกต่างจากที่อื่น คือ การผสมผสาน รายวิชาด้านเทคโนโลยีถูกบรรจุเข้าไปในทุกคณะ เพื่อเสริมสร้างความชำนาญเพิ่มเติมในเรื่อง  Digital Competency ให้นักศึกษาทุกคนมีความรู้ก่อนจะใช้เทคโนโลยี   อาทิ Coding, AI, Cloud service, Block chain, Mobile app, Big data/Data analytics, 5G, Internet of Things, UX UI , AR VR  โดยแต่ละคณะสามารถเลือก 3-5 รายวิชาจากทั้งหมดดังกล่าวข้างต้น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนตามที่แต่ละหลักสูตรพิจารณาว่าเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของนักศึกษา ไม่จำกัดแค่นักศึกษาที่เรียนวิศวกรรมหรือ เรียน IT เท่านั้น

ตัวอย่างเช่น คณะนิเทศศาสตร์กับรายวิชา AR VR และ Coding ซึ่งนำมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรมการสื่อสาร  คณะบริหารธุรกิจกับรายวิชา Internet of Things, Block chain หรือ Mobile application คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการกับรายวิชา Big data/data analytics และ UX UI ซึ่งปัจจุบันจำเป็นต้องใช้ความรู้เหล่านี้ในการทำธุรกิจ คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ ผนวกรายวิชาเทคโนโลยี 5G และ Coding  ที่นักศึกษาสามารถนำไปพัฒนาผลงานภาพยนตร์ได้

ในขณะที่คณะในสายวิทยาศาสตร์ คือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ก็จะมีรายวิชาที่ช่วยเสริมสร้างกระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์จากคณะในสายศิลป์มา

มหาวิทยาลัยกรุงเทพยังได้นำเสนอผลงานของคณะวิศวกรรมศาสตร์ หนึ่งในนั้นคือ Self-navigatored Robot  และปลอกแขนอัจฉริยะ( Muscle Control Robot) เซ็นเซอร์ควบคุมการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ดิจิทัลผ่านกล้ามเนื้อมนุษย์ ซึ่งสามารถต่อยอดไปใช้ในการผลิตสื่ออินเตอร์แอคทีฟสำหรับงานอีเว้นท์ต่างๆ หรือแม้แต่ยานยนต์ไร้คนขับ

อีกหนึ่งโชว์เคสเพื่ออธิบายให้เห็นตัวอย่างที่มาจากการเรียนการสอนแนวใหม่ Creativity + Technology นั้น สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้ไม่จำกัดรูปแบบ Solution นั้น คือ Learn to Move ซึ่งเป็น Service Robot ที่นำไปใช้สำหรับงานบริการเสิร์ฟในร้านอาหาร โรงพยาบาล  โรงแรม และคอนโดมิเนียม เป็นแขนกลสั่งงานด้วยซอฟต์แวร์หรือ AI ที่สามารถเรียนรู้จดจำตำแหน่งต่างๆ เพื่อให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ผู้ใช้ต้องการ

คิดต่าง  คิดกว้าง มองความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแล้วใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ไม่สิ้นสุด ส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และความรอบรู้เรื่องเทคโนโลยี  (Technology) สองปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถที่จะก้าวล้ำนำหน้าอยู่เสมอ  นอกจากนี้มหาวิทยาลัยกรุงเทพยังพัฒนาระบบนิเวศการศึกษาให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้บรรยากาศที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม ห้องแล็บ สตูดิโอ หรืออุปกรณ์ปฏิบัติการที่ทันสมัย ปัจจุบันได้ดำเนินการย้ายการเรียนการสอนทุกคณะทุกหลักสูตรไปยัง  Main Campus รังสิต เปิดโอกาสให้นักศึกษาเรียนข้ามศาสตร์ ข้ามคณะ เรียนคละชั้นปี หรือเรียนระหว่างหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโทได้ เพื่อให้นักเรียนทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และการทำงานร่วมกัน