สํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนพลังงานทดแทน เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาแก่บุคลากรของหน่วยงานและสถาบันการศึกษาของรัฐ เข้ารับการศึกษาต่อในระดับ ปริญญาโท และปริญญาเอก สาขาพลังงาน

หน่วยงานที่มีความประสงค์จะขอรับทุนการศึกษาแจ้งความจํานง ยื่นข้อเสนอต่อผู้อํานวยการสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน (ผอ.สนพ.) ภายในวันจันทร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ (กรณีส่งทางไปรษณีย์ สนพ. จะถือวันทีที่ทําการไปรษณีย์ต้นทางประทับตรารับเอกสาร เป็นสําคัญ และหากหน่วยงานนําส่งเอกสารเอง สนพ. จะถือวันที่ที่ สนพ. ประทับตรารับเอกสารเป็นสําคัญ ทั้งนี้ เอกสารหลักฐานที่ส่งหลังวันจันทร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ จะไม่ได้รับการพิจารณา) เมื่อ ผอ.สนพ. ดําเนินการพิจารณาจัดสรรทุนแล้ว จะแจ้งผลการจัดสรรทุนให้หน่วยงาน ที่ได้รับการสนับสนุนทราบต่อไป

หลักเกณฑ์ในการจัดสรรและพิจารณาให้ทุนการศึกษามีดังนี้
-ให้หน่วยงานที่มีความประสงค์จะขอรับทุนการศึกษา แจ้งความจํานงพร้อมเสนอ รายชื่อบุคลากรและแนบหลักฐานใบรายงานผลการศึกษาขั้นสุดท้ายของบุคลากรที่มีความประสงค์ขอรับทุน ต่อผู้อํานวยการสํานักงาน ภายในระยะเวลาที่กําหนดตามประกาศสมัครรับทุน ซึ่งจะมีการประกาศเป็นคราวๆ พร้อมข้อเสนอหรือโครงการขอรับทุนการศึกษา โดยระบุให้ชัดเจนและมีรายละเอียดดังนี้
-หน่วยงานที่รับผิดชอบ
– หลักการ เหตุผล ความจําเป็นและความต้องการของหน่วยงาน เพื่อที่จะให้มี ผู้ที่มีความรู้ความชํานาญในสาขาวิชา และระดับความรู้ที่เหมาะสมแก่หน้าที่ที่กําหนดให้เมื่อกลับมาปฏิบัติงาน
-รายชื่อผู้ขอรับทุน
-สาขาวิชา หัวข้อและรายละเอียดวิทยานิพนธ์ จํานวนทุน สถานที่ ระยะเวลา และหลักสูตรโดยสังเขป
-งบประมาณค่าใช้จ่าย
-ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับพร้อมแผนงานหรือโครงการที่จะให้ผู้รับทุน กลับมาปฏิบัติงาน

ผู้ขอรับทุนจะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย ดังนี้
-ผู้ขอรับทุนระดับปริญญาโท จะต้องมีผลคะแนนการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่ต่ํากว่า 2.50 (ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A=4, B-3, C=2, D-1, E หรือ F=0) หรือร้อยละ 65.00 หรือเทียบได้ไม่ต่ํากว่านี้ และระดับปริญญาเอก จะต้องมีผลคะแนนการศึกษาระดับปริญญาโท ไม่ต่ํากว่า 3.30 (ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A=4, B=3, C=2, D=1, E หรือ F-0) หรือ ร้อยละ 80.00 หรือเทียบได้ ไม่ต่ํากว่านี้
– มีอายุราชการไม่น้อยกว่า 2 ปี และอายุไม่เกิน 40 ปี ในวันที่ประกาศรับสมัครทุน 6.2.3 เป็นผู้ที่ได้รับใบรับรองจากสถาบันการศึกษาให้เข้ารับการศึกษาในปีการศึกษานั้น
-ไม่อยู่ในระหว่างการสมัครขอรับทุนจากแหล่งอื่นใด ทั้งนี้หากผู้ขอรับทุนอยู่ ระหว่างการยื่นขอรับทุนหรือได้รับทุนการศึกษาจากหน่วยงานอื่น จะต้องระบุรายละเอียดทุนดังกล่าวให้ สํานักงานทราบด้วย
-ในกรณีที่เป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย ต้องแนบหนังสือรับรองการจ้างงาน ที่มีระยะเวลาครอบคลุมตามสัญญาการรับทุนการศึกษา

ในกรณีที่ทุนมีจํานวนจํากัด แต่ความต้องการของหน่วยงานมีจํานวนมาก คณะผู้เชี่ยวชาญ และผู้อํานวยการสํานักงานอาจปรับเปลี่ยนวิธีการจัดสรรทุนตามที่เห็นสมควร

 การปฏิบัติราชการชดใช้ทุน และการชดใช้คืนเงินทุนหากผู้รับทุนผิดสัญญา
-ผู้ได้รับทุนการศึกษาจะต้องทําสัญญารับทุนและสัญญาค้ําประกันกับหน่วยงาน ต้นสังกัด โดยผู้ที่ได้รับทุนต้องชดใช้ทุน โดยต้องกลับเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานต้นสังกัดเดิมตามแผนงานหรือ โครงการที่ได้แจ้งไว้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสองเท่าของระยะเวลาที่ลาไปศึกษา หรือครึ่งหนึ่งของระยะเวลา ที่ใช้ในการศึกษากรณีศึกษานอกเวลาราชการ
– เมื่อสําเร็จการศึกษาแล้ว และผู้ได้รับทุนกลับเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อ ชดใช้ทุน ให้ต้นสังกัดรายงานความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานให้สํานักงานทราบทุก 6 เดือน ตลอดระยะเวลา ที่ชดใช้ทุน
– กรณีผู้ได้รับทุนไม่กลับมาปฏิบัติงานด้วยเหตุใดๆ ก็ดี ผู้ได้รับทุนต้องชดใช้เงินให้แก่ สํานักงานตามจํานวนเงินที่สํานักงานได้จ่ายไปพร้อมเบี้ยปรับอีกสองเท่า และชดใช้เงินแก่หน่วยงานต้นสังกัด ตามจํานวนเงินเดือน รวมทั้งเงินเพิ่มและ/หรือเงินอื่นใดที่ได้รับระหว่างการลาศึกษาที่ทางหน่วยงานต้นสังกัด ได้จ่ายไปพร้อมเบี้ยปรับอีกสองเท่า
-สําหรับข้าราชการที่เลือกเรียนนอกเวลาราชการ ต้องปฏิบัติงานในหน่วยงานต้นสังกัดเดิม ตามแผนงานหรือโครงการที่ได้แจ้งไว้เป็นระยะเวลาเท่ากับครึ่งหนึ่งของระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา หรือหาก ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ต้องชดใช้เงินทุนที่ได้รับไปทั้งหมดพร้อมเบี้ยปรับอีกหนึ่งเท่าให้แก่กองทุน

ในกรณีที่ผู้รับทุนปฏิบัติงานไม่ครบตามเวลาดังกล่าว ให้ผู้รับทุนชดใช้เงินและเบี้ยปรับลดลง ตามส่วนของเวลาที่ผู้รับทุนปฏิบัติงานไปบ้างแล้ว

ที่มาและศึกษาข้อมูลได้ที่ 

http://www.eppo.go.th/index.php/th/component/k2/item/10866